IF แบบไหนดี นิยมใช้ในการลดน้ำหนัก
ในปัจจุบันนั้นผู้คนให้ความสนใจกับเรื่องการลดน้ำหนักเป็นอย่างมากในทีเดียว ไม่ว่าจะเพศหญิง หรือชายต่างหันมาสนใจและใส่ใจในรูปลักษณ์ภายนอกมากขึ้น ในเรื่องของการดูแลรูปร่างของตัวเองนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากในทีเดียว โดย IF หรือ Intermittent Fasting เป็นหนึ่งในวิธีการลดน้ำหนักอีกวิธีหนึ่งโดยการควบคุมแคลอรี ซึ่งเป็นการจำกัดเวลาในการรับประทานอาหาร โดยมีรูปแบบหลากหลายวิธีในการปฏิบัติ แต่วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือจำกัดเวลาทานอาหาร 8 ชั่วโมง และอดอาหาร 16 ชั่วโมงยกตัวอย่างง่าย ๆ คือ เราสามารถ ทานได้เวลา 7:00-15:00 โดยหลังจาก 15:00 เป็นช่วงงดอาหาร นอกจากนั้นแล้ววิธีลดน้ำหนักแบบ IF เป็นวิธีลดน้ำหนักแบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องออกแรงมากมายในทีเดียว
สารบัญ
แบบที่ 1 การอดอาหารแบบ 5:2 (The twice-a-week method – 5:2)
การอดอาหารแบบ 5:2 จะเป็นรูปแบบของการอดอาหารที่จะเลือกวันสำหรับอดอาหารไว้แค่เพียงสองวันในหนึ่งสัปดาห์ และสองวันนั้นจะต้องทานอาหารให้ได้ปริมาณแคลอรีรวมกัน 500 แคลอรี เช่นเลือกอดอาหารวันอังคารกับวันศุกร์ ดังนั้น ทั้งสองวันนี้จะต้องรับประทานอาหารรวมพลังงานให้ได้ 500 แคลอรีกล่าวคือ วันอังคารรับประทานได้ 300 แคลอรี และวันศุกร์อีก 200 แคลอรีสำหรับการอดอาหารด้วยวิธี 5:2 นั้น ควรจะเน้นการรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์และโปรตีนสูง
ข้อดีของ การอดอาหารแบบ 5:2 (The twice-a-week method – 5:2)
- สามารถกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ได้ปกติ
- กระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ
ข้อเสียของ การอดอาหารแบบ 5:2 (The twice-a-week method – 5:2)
- ศักยภาพในการทำงานลดลง
- รู้สึกหิว หมดพลังงาน
แบบที่ 2 การอดอาหารแบบวันเว้นวัน (Alternate day fasting)
การอดอาหารแบบวันเว้นวันนั้นจะเป็นในรูปแบบของการอดอาหารที่สลับกับวันที่รับประทานอาหารในรูปแบบปกติ ซึ่งวันนี้ให้รับประทานอาหารตามปกติ โดยสามารถที่จะรับประทานอะไรก็ได้ แต่วันต่อมาจะต้องจำกัดปริมาณแคลอรีไว้แค่เพียง 500 แคลอรีต่อวันเท่านั้น ห้ามมากกว่าหรือน้อยกว่านี้เด็ดขาด
ข้อดีของ การอดอาหารแบบวันเว้นวัน (Alternate day fasting)
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดความเสี่ยงการเป็นเบาหวาน
- ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ
ข้อเสียของ การอดอาหารแบบวันเว้นวัน (Alternate day fasting)
- อารมณ์หงุดหงิดง่าย
- พลังงานลดลง
แบบที่ 3 การอดอาหารแบบจำกัดช่วงเวลา (Time-restricted eating)
การอดอาหารแบบจำกัดช่วงเวลา จะเป็นการจำกัดเวลาในการรับประทานอาหารในแต่ละวัน แบ่งเป็นช่วงๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกของผู้คนที่ต้องการการยืดหยุ่นในการรับประทานอาหาร เพราะสามารถเลือกช่วงเวลาได้ หรือ เป็นการจัดตารางในการรับประทานอาหารนั่นเอง สำหรับการรับประทานอาหาร โดยเราสามารถเลือกอดอาหารตามเวลาที่เรากำหนดเองได้ และสามารถเลือกทานอาหารตามที่เรากำหนดไว้ได้ ซึ่งจะเป็นหนึ่งในวิธีการควบคุมอาหาร เช่น เรารับประทานอาหาร 16 ชั่วโมง และอด 8 ชั่วโมง เป็นต้น
ข้อดีของ การอดอาหารแบบจำกัดช่วงเวลา (Time-restricted eating)
- ไม่ต้องมาเสียเวลาเตรียมจัดการอาหาร
- ร่างกายนำไขมันที่สะสมไว้ออกมาใช้
ข้อเสียของ การอดอาหารแบบจำกัดช่วงเวลา (Time-restricted eating)
- รู้สึกง่วง
- ขาดสมาธิ
แบบที่ 4 การอดอาหารแบบทั้งวัน (The 24-hour fast)
การอดอาหารแบบ 24 ชั่วโมง หรือตลอดทั้งวันนั้นเป็นวิธีการอดที่ยากที่สุด โดยวันที่เหลือสามารถทานได้ตามปกติ โดยส่วนใหญ่จะเริ่มอดตั้งแต่เช้าถึงวันรุ่งขึ้น สูตรนี้เป็นสูตรเร่งด่วนเลยทีเดียวที่ส่งผลต่อการปรับสมดุลในร่างกายของเราซึ่งในหนึ่งสัปดาห์สามารถทำได้ 1-2 ครั้ง นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่สำคัญของการอดอาหารประเภทนี้ จะเป็นวิธีที่มีการส่งผลเสียกับสุขภาพมากที่สุดเลยทีเดียว เนื่องจากจะมีอาการปวดหัว หงุดหงิดง่ายอารมณ์เสียบ่อยขึ้น ร่างกายอ่อนเพลีย ซึ่งมีผลต่ออารมณ์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังทำให้ร่างกายอ่อนล้า เนื่องจากขาดพลังงาน ทำให้ไม่มีสมาธิ วอกแวก และทำให้รู้สึกหิวโหยจนทนไม่ไหว หิวเกินไปเนื่องจากไม่ได้รับประทานอะไรเลย ซึ่งอาจจะทำให้ตะบะแตกแล้วกินมากกว่าปกติได้เลย หรือกินทุกอย่างที่ขวางหน้า โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูงๆ ถ้าอดมากๆอาจจะช็อคได้ในทันที
ข้อดีของ การอดอาหารแบบทั้งวัน (The 24-hour fast)
- ลดน้ำหนักและลดไขมันในร่างกาย
- เพิ่มการทำงานของสมอง
ข้อเสียของ การอดอาหารแบบทั้งวัน (The 24-hour fast)
- อุณหภูมิในร่างกายผิดปกติ
- รู้สึกสับสน
IF เป็นหนึ่งในวิธีการลดน้ำหนักอีกวิธีหนึ่ง เป็นรูปแบบการกินอาหารอีกแบบหนึ่งโดยการควบคุมแคลอรี หรือเรียกว่าการอดอาหารเป็นช่วงเวลานั่นเอง ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นนอกจากน้ำหนักที่ลดลงแล้ว ยังช่วยให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นด้วย จึงเป็นอีกวิธีนึงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน แต่ทั้งนี้การทำ IF ไม่ได้เหมาะสมกับทุกคนเสมอไป เนื่องจากสมรรถภาพทางร่างกายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ควรศึกษาและหาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนและตรวจเช็คสภาพร่างกายก่อนสม่ำเสมอ นอกจากนั้นแล้วผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มทำ IF เป็นอย่างยิ่งเพื่อที่จะได้รู้ว่าเหมาะสมกับสมรรถภาพร่างกายของตนเองหรือไม่