รีวิวภาพยนตร์เกาหลีโรแมนติก ดราม่าควรดูในปี 2022

กิจกรรม

ภาพยนตร์เกาหลีเป็นอะไรที่นิยมมากในศักราชนี้ เนื่องด้วยภาพยนตร์เหล่านี้ ล้วนส่งอิทธิพลเป็นวงกว้างในด้านการทำคอนเทนต์ที่หลากหลาย ซึ่งมันถ่ายทอดออกมาได้จับใจผู้ชมมายาวนาน ทุกคนต่างลุ้นรักกับคู่พระนางที่หวังจะให้ลงเอย บางเรื่องก็ลงเอยด้วยดี พระเอกกับนางเอกได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็มีบางเรื่องที่พระเอกกับนางเอกไม่ได้อยู่ด้วยกัน แถมตัวละครเอกบางคนต้องตายจากบ้าง หักมุมบ้าง แถมสะเทือนใจจนต่อมน้ำตาแตกเป็นลิตรๆ กันมากมาย ในบทความนี้จะมาแนะนำภาพยนตร์เกาหลีโรแมนติก ดราม่า ที่ใครๆ ต้องกลับไปดูในปี 2022 อย่างมาก หากใครเป็นคนกักตัวจะต้องดูเรื่องเหล่านี้กันเลยทีเดียว

On Your Wedding Day (2018)

ผู้กำกับ Lee Seok-geun (ลี ซอกกึน)
เขียนบท Lee Seok-geun (ลี ซอกกึน)
พระเอก Kim Young-kwang (คิม ยองกวัง)
นางเอก Park Bo-young (ปาร์ค โบยอง)
ความยาว 110 นาที
วันที่เข้าฉาย 22 สิงหาคม 2018
ประเภท ดราม่า โรแมนติก
ช่องทางการรับชม Netflix

เรื่องย่อของ On Your Wedding Day (2018)

หากใครจำได้จากเวอร์ชันจีน ที่เรียกน้ำตาคนดูมากมาย แม้แต่คนดูชาวไทยติดตากับภาพยนตร์หักมุมตอนจบ จริงๆ มันรีเมคมาจากเรื่องนี้ในเวอร์ชันเกาหลี โดยเนื้อเรื่องมีอยู่ว่า ชายคนหนึ่งชื่อ “ฮวัง อูยอน” ได้รับคำเชิญงานแต่งงานจากผู้หญิงที่เป็นความรักครั้งแรกอย่าง “ฮวาน ซึงฮี” ที่เขาพบในโรงเรียนมัธยมปลาย เขาหวนคิดถึงความรัก ความผูกพันที่ผ่านมาทั้งหมดที่เขาทำเพื่อร่วมกับเธอตลอดช่วงหลายปีที่เริ่มตั้งแต่วัยเยาว์ และเรื่องราวที่พวกเขามีขึ้นมีลงในชีวิตร่วมกัน ในที่สุดเขาก็ไปงานแต่งงานของเธอ และขอบคุณเธอที่เป็นดาวที่ส่องแสงในชีวิตของเขา และเธอขอบคุณเขาสำหรับความช่วยเหลือที่เขาต้องการ จากนั้นเขาได้เห็นเธอในชุดเจ้าสาว ยิ้มอย่างมีความสุข จากนั้นก็เดินออกไปจากงานแต่งของเธอ เมื่อเขาได้เห็นงานแต่งของเธอเป็นอย่างที่ฝันแล้ว และเธอก็ได้เจอคนที่ดี แม้ว่าคนอย่างเขาจะต้องเป็นฝ่ายร้องไห้ก็ตาม

รีวิว On Your Wedding Day (2018)

เรื่องราวของ On Your Wedding Day (2018) เป็นอีกเรื่องที่ให้ความรู้สึกต่างกัน ในเวอร์ชั่นจีนจะสะเทือนใจ และเศร้าใจมากกว่า แต่ในเวอร์ชั่นเกาหลีจะให้ความรู้สึกหน่วงๆ อก ใจหาย มีความเคว้งจนคนดูรู้สึกได้ ซึ่งควรกลับมาดูทั้งสองเวอร์ชั่นอย่างมาก แล้วจะรู้ว่า On Your Wedding Day (2018) มันให้ความรู้สึกกับคนดูว่า…ความรักย่อมเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ ไม่ว่าจะเริ่มต้นหรือจบลง

A Moment to Remember (2004)


Img by www.imdb.com

ผู้กำกับ Lee Jae-han (ลี แจฮัน)
เขียนบท Lee Jae-han (ลี แจฮัน) กับ Kim Young-ha (คิม ยองฮา)
พระเอก Jung Woo-sung (จอง อูซอง)
นางเอก Son Ye-jin (ซอน เยจิน)
ความยาว 144 นาที
วันที่เข้าฉาย 5 พฤศจิกายน 2004
ประเภท ดราม่า โรแมนติก
ช่องทางการรับชม Netflix

เรื่องย่อของ A Moment to Remember (2004)

ฉากแรกของหนังแนะนำตัวเอก ผู้หญิงชื่อ “ซูจิน” และผู้ชายชื่อ “ชุลซู” ภาพยนตร์เรื่องนี้เน้นให้เห็นถึงการพบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ตามมาด้วยการตกหลุมรักกันในภายหลัง แม้ว่าจะมีสถานะทางสังคมที่แตกต่างกันซึ่งควรแยกพวกเขาออกจากกัน “ซูจิน” เป็นแฟชั่นดีไซเนอร์วัย 27 ปี ซึ่งถูกคนรักของเธอปฏิเสธ โดยคนรักของเธอเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว เธอไปร้านสะดวกซื้อและไปเจอผู้ชายหล่อตัวสูงซึ่งเธอเข้าใจผิดเล็กน้อย หลังจากนั้น เธอกลับบ้านและรับการให้อภัยจากพ่อของเธอ ตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่
อยู่มาวันหนึ่ง ขณะที่เดินทางไปกับพ่อของเธอ ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทก่อสร้าง เธอบังเอิญพบกับชายที่เธอบังเอิญเจอที่ร้านสะดวกซื้อ เขาคือ “ชุลซู” หัวหน้าคนงานในไซต์ก่อสร้างที่กำลังศึกษาเพื่อเป็นสถาปนิก แม้ว่าในตอนแรกเขาจะดูเหมือนคนงานก่อสร้างที่หยาบและสกปรก ก็แสดงออกถึงความเป็นชายที่แท้จริงในรูปแบบความเป็นตัวของตัวเองที่สุด ซูจินเริ่มชอบชุลซูในทันทีและจีบเขาอย่างตั้งใจ มีเหตุการณ์หวานๆ มากมายที่เกิดขึ้นในความรักของพวกเขา ในที่สุดก็นำไปสู่การแต่งงานของพวกเขา
ฉากต่อมาก็เป็นเรื่องราวของทั้งคู่ที่ใช้ชีวิตแต่งงานอย่างมีความสุข โดยชุลซูออกแบบบ้านในฝันของพวกเขา และซูจินกำลังเรียนรู้ที่จะเป็นแม่บ้าน อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ซูจินเริ่มแสดงอาการหลงลืม รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดไฟไหม้ขึ้นเนื่องจากเตาที่เธอลืมปิด ขณะที่ชุลซูจับไฟได้ทันเวลา เหตุการณ์ที่ร้ายแรงและเหตุการณ์อื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันทำให้พวกเขาต้องไปพบแพทย์จนรู้ว่า…เธอเป็นอัลไซเมอร์

รีวิว A Moment to Remember (2004)

มันอดนึกถึงเรื่องหนึ่งใน Club Friday The Series ไม่ได้เลยที่รักกันแต่อีกฝ่ายจำอะไรไม่ได้ มันคล้ายๆ กันมาก แม้ว่าเขาจะเศร้าโศก แต่ชุลซูก็ยังคงอยู่ข้างซูจินแม้ว่าเธอจะจำเขาไม่ได้ก็ตาม โดยซ่อนดวงตาของเขาไว้หลังแว่นกันแดดเมื่อเขาไปเยี่ยมเธอเพื่อที่เธอจะได้ไม่เห็นน้ำตาของเขา ในตอนท้ายของภาพยนตร์ชุลซูได้แสดงอีกครั้งในครั้งแรกที่พวกเขาพบกันในร้านสะดวกซื้อ กับเพื่อนและครอบครัวของซูจินที่นั่น ในฉากสุดท้าย ซูจินกำลังนั่งรถข้างสามีของเธอตอนพระอาทิตย์ตกดิน และเขาบอกกับเธอว่า “ฉันรักเธอ” โดยเนื้อเรื่องมันก็แสดงความเศร้า หดหู่ที่ลึกซึ้งมาก ตายจากกันก็หดหู่แล้ว แต่การอยู่แต่จำอะไรไม่ได้เลย…มันหดหู่กว่ากันมาก

A Werewolf Boy (2012)

ผู้กำกับ Jo Sung-hee (โจ ซุงฮี)
เขียนบท Jo Sung-hee (โจ ซุงฮี)
พระเอก Song Joong-ki (ซง จุงกิ)
นางเอก Park Bo-young (ปาร์ค โบยอง)
ความยาว 122 นาที
วันที่เข้าฉาย 31 ตุลาคม 2012
ประเภท ดราม่า โรแมนติก แฟนตาซี
ช่องทางการรับชม Netflix

เรื่องย่อของ A Werewolf Boy (2012)

“คิม ซุนอี” หญิงชราวัยหกสิบเศษที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ ได้รับโทรศัพท์เกี่ยวกับการขายบ้านเก่าของครอบครัวตนในเกาหลีใต้ เมื่อกลับมาที่บ้านเกิด เธอได้พบกับหลานสาวอึนจู และพวกเขาขับรถกลับบ้านในชนบท ทำให้ซุนอีหวนนึกถึงเมื่อ 47 ปีก่อน ตอนที่เธอเป็นเด็กหญิงอายุ 17 ปีในปี 2508 เธอย้ายจากโซลพร้อมกับแม่และน้องสาวของเธอชื่อว่า “ซุนจา” ไปยังหุบเขาอันห่างไกลเพื่อพักฟื้นหลังจากประสบปัญหา กับอาการหอบหืดของเธอ ซึ่งตอนนั้นครอบคัวของเธอต้องมาที่นี่ด้วยเหตุจำเป็น แต่ซุนอีไม่มีเพื่อนเล่นเลย
อยู่มาวันหนึ่ง ซุนอีพบเด็กชายดุร้ายอายุประมาณ 19 ปีอยู่ในบ้านของพวกเขา กรุ๊ปเลือดของเขานั้นไม่สามารถระบุได้ และเขาไม่สามารถอ่านหรือพูดได้ แม้ว่าเขาจะทำตัวเหมือนสัตว์ป่า แต่แม่ผู้ใจดีของซุนอีก็รับมาเลี้ยงและตั้งชื่อเขาว่าชุลซู โดยตำรวจถือว่าเขาเป็นหนึ่งในเด็กกำพร้ามากกว่า 60,000 คนในสงครามเกาหลี แต่ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าชุลซูคือมนุษย์หมาป่า นอกจากไม่ถูกกับจีแทแล้ว ยังรักและภักดีกับซุนอีอยู่ เหตุการณ์บางอย่างทำให้ซุนอีกับชุลซูต้องแยกทางกัน และความแตกต่างของสัญชาตญาณดิบที่ชุลซูมันโหดร้ายกับคนปกติค่อนข้างมาก พอผ่านไป 47 ปี ซุนอีกลับมาอีกครั้งเมื่อเธอชรามากแล้ว แต่ชุลซูยังรอคอยเธออยู่เหมือนเดิมเหมือนสุนัขผู้จงรักภักดีรอนายอยู่เสมอ

รีวิว A Werewolf Boy (2012)

หากใครชอบแนวมนุษย์หมาป่า และอยากได้แนวที่มีความลึกซึ้ง ไม่เป็นศัตรู ต้องยกให้เรื่องนี้เลย เพราะเป็นเรื่องที่ซง จุงกิ เล่นเป็นมนุษย์หมาป่าวัยรุ่น ที่มีความน่าสงสาร ใสซื่อ แต่มีสัญชาตญาณดิบของหมาป่าอยู่ แต่ก็ถ่ายทอดออกมาได้เป็นผู้ปกป้องที่น่ารักและน่าสงสารไปพร้อมๆ กัน ฉากที่นางเอกในวัยชรามาเจอกับชุลซู เป็นภาพที่สะเทือนใจอย่างมากเลยทีเดียว

Be with You (2018)

ผู้กำกับ Lee Jang-hoon (ลี จางฮุน)
เขียนบท Takuji Ichikawa (ทาคูจิ อิชิคาวะ)
พระเอก So Ji-sub (โซ จีซบ)
นางเอก Son Ye-jin (ซอน เยจิน)
ความยาว 131 นาที
วันที่เข้าฉาย 14 มีนาคม 2018
ประเภท ดราม่า โรแมนติก
ช่องทางการรับชม Netflix

เรื่องย่อของ Be with You (2018)

เรื่องราวของ Be with You (2018) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวของสองพ่อลูกที่สูญเสียภรรยาและแม่ของลูกไปในช่วงฤดูฝน โดยทิ้งคำสัญญาที่มีให้แก่กัน ว่าเธอจะกลับมาหาครอบครัวของเธออีกครั้งในช่วงฤดูฝน โดยภรรยาของเขาคือซูอา (ซอน เยจิน) ก่อนที่เธอจะจากไป ให้สัญญาที่ไม่น่าเชื่อกับสามีของเธอ วูจิน (โซ จีซบ) ที่จะกลับมาในอีกหนึ่งปีต่อมาในช่วงต้นฤดูฝน เธอรักษาสัญญาและปรากฏตัวอีกครั้งต่อหน้าสามีและลูกชายของเธออย่างน่าอัศจรรย์ แต่เธอจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น น่าเศร้าที่ความโล่งใจในการพบกันอีกครั้งของพวกเขานั้นสั้น เพราะปรากฏว่าซูอาต้องจากครอบครัวของเธอไปเมื่อสิ้นสุดฤดูฝน ซึ่งเรื่องนี้เรียกน้ำตาคนดูอย่างมาก โดยเฉพาะจุดไคลแมกซ์จะเป็นซีนของโรงเรียนของลูกนั่นเอง

รีวิว Be with You (2018)

ต้องบอกก่อนว่าภาพยนตร์เรื่อง Be with You (2018) มาจากวรรณกรรมของญี่ปุ่น และทำมาในรูปแบบภาพยนตร์ในชื่อเรื่องเดียวกัน ความแตกต่างของเวอร์ชันญี่ปุ่น จะเน้นความเป็นธรรมชาติเป็นหลัก เลือกที่จะเล่าเรื่องช้าๆ ให้ผู้ชมค่อยๆ ซึมซับเรื่องราว ดำดิ่งไปกับบรรยากาศไปเรื่อยๆ แต่ในเวอร์ชันเกาหลีจะบอกว่าเนื้อเรื่องเดียวกัน แต่กระชับ แถมทำเอาคนดูเศร้าตามๆ กัน เพราะเวอร์ชันเกาหลีเขาเลือกที่จะ “ขยี้” อารมณ์ให้น้ำตาแตก ร้องไห้ แถมเวลาร้องไห้แทบร้องไห้ ปรับอารมณ์ตามไม่ทันเลยทีเดียว

A Man and A Woman (2016)

ผู้กำกับ Lee Yoon-ki (ลี ยุนกิ)
เขียนบท Lee Yoon-ki (ลี ยุนกิ) กับ Sin Eun-yeong (ซิน อึนยอง)
พระเอก Gong Yoo (กง ยู)
นางเอก Jeon Do-yeon (จอน โดยอน)
ความยาว 115 นาที
วันที่เข้าฉาย 25 กุมภาพันธ์ 2016 (เกาหลีใต้) และ 10 กุมภาพันธ์ 2022 (ไทย)
ประเภท ดราม่า โรแมนติก
ช่องทางการรับชม Netflix

เรื่องย่อของ A Man and A Woman (2016)

ในวันฤดูหนาวที่หนาวเย็น “ซังมิน” ขอให้ “คีฮง”จุดไฟ คนแปลกหน้าสองคนได้ส่งลูกของพวกเขาไปที่บริเวณรถกระบะของค่ายเด็กในเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยทั้งสองตัดสินใจตามลูกของตนไปที่แคมป์ ระหว่างทางกลับ พายุหิมะบังคับให้พวกเขาต้องพักค้างคืนที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในตอนเช้าพวกเขาเดินผ่านป่าและพบห้องซาวน่าอันเงียบสงบที่พวกเขาต่างเผลอกายและใจให้กันและกัน แล้วพวกเขาต่างแยกไปในวันรุ่งขึ้นโดยไม่รู้จักชื่อกันและกันและแยกทางกัน
หลายเดือนต่อมาในเกาหลีใต้ ซังมินกำลังซ่อมเสื้อผ้าที่ร้านเสื้อผ้าของเธอ และเห็นคีฮงเดินผ่านมา เปิดเผยว่าพวกเขาทั้งคู่แต่งงานแล้วกับลูกๆ ของตัวเอง แต่มีความสัมพันธ์ที่ขัดกับสภาพของพวกเขา ขณะดำเนินชีวิต พวกเขาแสดงให้เห็นว่ากำลังประสบปัญหาครอบครัวที่สำคัญ ลูกชายของซังมินมีอาการเจ็บป่วยที่ไม่ระบุรายละเอียดที่ทำให้ครอบครัวของเธอตึงเครียด ผู้ดูแลของเธอที่บ้านที่พยายามจัดการกับความเจ็บป่วยของลูกชายของเธอ และการแต่งงานของเธอขาดความสนิทสนม ในขณะที่คีฮง ครอบครัวของเขาเองดูแลสุขภาพจิตของภรรยาสาวซึ่งกำลังต่อสู้กับความคิดฆ่าตัวตาย ซึมเศร้า และมีแนวโน้มติดสุราที่ทำให้เธอเสี่ยงต่อการถูกเข้าลี้ภัย ซึ่งคีฮงพบว่าตัวเองทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองหรือพี่ชายมากกว่าสามีของภรรยา และใช้เวลากับเธอและลูกสาวน้อยลงหลังจากสุขภาพจิตแต่ละตอน ในที่สุด ทั้งซังมินและคีฮงก็กลับมาคบกันอีกครั้งและเริ่มพบกันอย่างลับๆ โดยซ่อนความสัมพันธ์จากเพื่อน ครอบครัว และเพื่อนร่วมงานเพื่อหนีจากความยากลำบากอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาเผชิญในชีวิตที่แยกจากกัน

รีวิว A Man and A Woman (2016)

นี่แหล่ะ “ความถูกต้องกับความถูกใจ” มันสวนทางกันเสมอ แม้แต่เรื่องความรัก และเป็นครั้งแรกที่เราจะได้เห็นฉากเร่าร้อนของ “กงยู” ที่รับบทเป็น “คีฮง” จึงไม่แปลกใจถ้ามันได้เรต R ของเกาหลีเรื่องนี้ แต่มันก็มีเหตุผลของการนอกใจว่าทำไมทั้งนางเอกและพระเอกต่างมีความสัมพันธ์ที่ผิดที่ผิดเวลา แต่นั่นมันก็ทำให้ชะงักได้ว่า ควรทำให้เป็นเรื่องที่ถูกต้องเพื่อลูกของตน ไม่ใช่ตามใจตนเองจนเกินไป แต่ในโลเคชั่นที่ถ่ายทำถึงกรุงเฮลชิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ทำให้เพิ่มความโรแมนติกและความดราม่าสมจริงยิ่งขึ้น

เป็นยังไงบ้างกับภาพยนตร์เกาหลีที่มีความโรแมนติก ดราม่าที่ใครๆ ควรดูในปี 2022 อย่างมาก จะเห็นได้ว่าบทบาทของนักแสดงเกาหลีทุกคน เล่นได้สมบทบาทสวยงามและส่งเสริมอารมณ์ของการแสดงได้อย่างมีมิติ ไม่ผิดหวังเลยที่จะมาดู แต่ก็มีบางเรื่องที่มีความ “อิหยังวะ” แต่ก็มีความ Make Sense มากพอสมควรกับเรื่องราวที่ถ่ายทอดออกมา นอกจากนี้ก็ยังมีทั้งนำมารีเมค และถูกรีเมค แต่มนต์เสน่ห์ของภาพยนตร์เกาหลีแนวโรแมนติก ดราม่า มันก็กลายเป็นลายเซ็นประจำชาติเป็นที่เรียบร้อย

Natthira Yaemsuan

Hello Everyone, I interested about writing and reading. I hope you enjoy to read my article.

Profile