มีหลายต่อหลายคนค่ะที่มุ่งมั่นในการลดน้ำหนัก ดูแลควบคุมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องของการออกกำลังกายและการกินอาหาร แต่รู้หรือไม่คะว่ายังมีอาหารบางชนิดที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการช่วยลดน้ำหนักได้ มีอะไรบ้างไปติดตามกันค่ะ
กาแฟ
ในกาแฟประกอบไปด้วยสารสำคัญ 2 ตัวที่มีบทบาทในการช่วยเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็คือ
คาเฟอีน (Caffeine)
มีรายงานการวิจัยระบุว่า คาเฟอีนสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญในร่างกายได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีงานค้นคว้าวิจัยจากสถาบันอื่น ๆ ที่ระบุเอาไว้ว่า คาเฟอีนสามารถเพิ่มอัตราการเผาผลาญของคนอ้วนได้ 10% และเพิ่มอัตราการเผาผลาญของคนผอมได้ 29% แต่ทั้งนี้ก็ยังมีแนวโน้มที่ว่าประสิทธิภาพในการเผาผลาญนี้จะลดลงเมื่อกินคาเฟอีนเป็นประจำในระยะยาว
ข้อมูลอ้างอิง pobpad.com
Chlorogenic Acid
Chlorogenic Acid คือ สารเคมีธรรมชาติชนิดหนึ่งที่อยู่ในกาแฟ มีคุณสมบัติสำคัญในการเผาผลาญพลังงาน ลดการสะสมของไขมัน ช่วยยับยั้งการหลั่งกลูโคสเข้าสู่กระแสดเลือด และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
ข้อมูลอ้างอิง robingreencoffee.com
ควรกินกาแฟตอนไหนดี?
ช่วงเวลา 09:30 – 11:30 น.
เป็นช่วงเวลาที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับการดื่มกาแฟ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีความสัมพันธ์กับฮอร์โมน “คอร์ติซอล” ที่จะช่วยให้ร่างกายตื่นตัว
หลังมื้อเที่ยงไปแล้วประมาณ 30 – 60 นาที
ช่วงนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ช่วยในการเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี เนื่องจากกาแฟจะเข้าไปละลายไขมันในร่างกายที่เรากินอาหารเข้าไปก่อนหน้าให้แตกตัวได้ง่ายขึ้น แต่…ต้องเป็นการแฟดำเท่านั้นนะคะ ส่วนใครที่ออกกำลังกาย แนะนำว่าควรดื่มกาแฟก่อนการออกกำลังการประมาณ 30 นาที เพื่อช่วยสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
**ข้อควรรู้**
ในแต่ละวันร่างกายของเราจะสามารถรับคาเฟอีนได้ที่ 400 มล. หรือกาแฟ 5 แก้ว แต่สำหรับใครที่ไม่ค่อยได้กินกาแฟหรือไม่ใช่คอกาแฟแนะนำว่าควรดื่มเพียง 1 – 2 แก้วต่อวันนะคะ
เนื้อวัว
เนื้อวัวอุดมไปด้วยโปรตีน และไขมัน นอกจากนี้ในเนื้อวัวยังมีสาร “คาร์นิทีน (Carnitine)” ที่ช่วยในการเผาผลาญไขมันให้มาเป็นพลังงาน ง่ายต่อการนำไปใช้
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน
ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการลดไขมัน และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แนะนำให้กิน 200 กรัม ต่อวัน และควรกินก่อนการออกกำลังกาย 2 – 3 ชั่วโมง
ข้าวบาร์เลย์
ข้าวบาร์เลย์เป็นธัญพืชที่มีประโยชน์ในด้านการลดน้ำหนัก ดังนี้
มีใยอาหารมากกว่าผัก
ใยอาหารจากข้าวบาร์เลย์สามารถช่วยควบคุมอัตราการย่อย และยับยั้งการดูดซึมคาร์โบไฮเดรตและไขมัน และช่วยในการขับถ่ายไขมันออกมา
ลดระดับน้ำตาลในเลือด
เนื่องจากส่งผลให้การดูดซึมน้ำตาลเป็นไปอย่างช้า ๆ ส่งผลให้ระบบการทำงานของอินซูลินทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
พริก
ในพริกมีสารชนิดหนึ่งชื่อว่า “แคปไซซิน (Capsaicin)” ที่ให้รสเผ็ด ซึ่งสารนี้จะมีมากที่แกนกลางสีขาว หรือที่เรียกว่า “รก” ดังนั้น เมื่อเรากินพริกเข้าไป ร่างกายจะหลั่งอะดรีนาลีนออกมา อุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้น สังเกตได้จากบางคนที่เมื่อกินพริกเข้าไปแล้วเหงื่อออก นั่นเป็นเพราะร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงขึ้นนั่นเอง ซึ่งจะส่งผลให้มีการเผาผลาญที่เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
ชาเขียว
ใช่แล้วค่ะ ชาเขียวก็สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากในชาเขียวจะมีสาระสำคัญตัวหนึ่งที่ชื่อว่า “คาเทชิน (Catechin)” มีประโยชน์ในการลดความอ้วน ดังนี้
- ลดไตรกลีเซอไรด์
- ลดคลอเรสเตอรอล
- ยับยั้งการดูดซึมของไขมัน
- เพิ่มการใช้พลังงาน
- ลดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ไขมัน
- ลดการสะสมของไขมันหน้าท้อง
ปริมาณที่แนะนำต่อวัน
การดื่มชาเขียวไม่ควรเกิน 4 – 5 แก้วต่อวัน หรือประมาณ 200 มก. ต่อวัน ที่สำคัญ ไม่ใช่ขาเขียวใส่น้ำตาล ใส่นมนะคะ
การลดน้ำหนักที่ไม่ตึงเกินไปไม่หย่อนเกินไป เลือกเดินทางสายกลางเป็นอะไรที่ดีที่สุดค่ะ บางคนตัดคาร์บออกจากชีวิตเลย แบบนี้ก็ดูจะเอียงกะเท่เร่ไปหน่อย คาร์บกินได้ค่ะ แต่น้อยหน่อย แล้วเราก็ไปเวิร์คเอ้าเอา ที่สำคัญยังมีอาหารที่ได้แนะนำไปข้างต้นก็สามารถช่วยลดน้ำหนักได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ควรกินแต่พอดีนะคะ อะไรที่มากเกินไปก็อาจกลายเป็นผลเสียได้เหมือนกัน