รู้สึกผอมลง แต่ทำไมน้ำหนักขึ้น เพราะอะไร?

หลายคนใช้เวลาในการออกกำลังกายเป็นปี ด้วยความหวังที่ว่า “อยากหุ่นผอมเพรียว” แล้ววันหนึ่งก็รู้สึกว่าตัวเองหุ่นดีมากขึ้น ท้องแขนก็ไม่หย่อนยาน แต่เดี๋ยวก่อน…พอชั่งน้ำหนักทำไมน้ำหนักมันกลับขึ้นมากกว่าเดิม? ร่างนั้นยืนงงในดงเครื่องชั่งน้ำหนัก ทำไมเป็นเช่นนั้น

น้ำหนักตัวประกอบด้วยอะไรบ้าง?

ก่อนจะไปเรื่องของการลดน้ำหนักที่ถูกต้อง อยากให้ทุกคนทำความเข้าใจในเรื่องของ “น้ำหนักตัว” ของคนเรากันก่อนค่ะว่าประกอบไปด้วยอะไรบ้าง และเมื่อเวลาที่เราลดน้ำหนักแล้วจะมีผลอย่างไร

น้ำ

เป็นอะไรที่ลดง่ายที่สุด ลดได้เร็วที่สุด และนี่จึงทำให้ใครหลาย ๆ คนอดอาหาร หรือบางคนใช้วิธี Detox พบว่าน้ำหนักมันลดได้จริง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นเพราะร่างกายสูญเสียน้ำออกไป ทำให้เราเข้าใจไป (อย่างผิด ๆ) ว่าน้ำหนักลด

กล้ามเนื้อ

เป็นส่วนที่ลดง่ายมาก ๆ ในมุมมองของร่างกาย…กล้ามเนื้อเป็นอะไรที่ใช้พลังงานสูง มีน้ำหนักมาก ร่างกายจึงมองกล้ามเนื้อว่าเป็นตัวถ่วง จึงพยายามหาทางกำจัดมันออกไป โดยเฉพาะในเวลาที่เราอดอาหารหรือมีการออกกำลังกายหนัก ๆ

ไขมัน

มีน้ำหนักเบา เป็นแหล่งพลังงานที่ให้พลังงานมาก และสามารถเก็บได้นาน ดังนั้น หลายคนใช้วิธีการหลอกให้ร่างกายนำไขมันออกมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นจากการกินอาหาร อดอาหาร หรือแม้แต่ Cadio ทุกวัน เพราะวันหนึ่งจะโป๊ะแตก ร่างกายจะรู้ทัน นั่นจึงเป็นเหตุให้ทำไมหลาย ๆ สามารถลดน้ำหนักได้ในช่วงแรก แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งจะลดไม่ลง

อีกจุดหนึ่งที่อยากอธิบายให้หลาย ๆ เข้าใจและเห็นภาพไปพร้อมกันคือ ในคน 2 คนที่มี “น้ำหนักเท่ากัน”คนหนึ่งมีแต่ไขมันที่พุง คนหนึ่งมีแต่กล้ามเนื้อ ด้วยมวลของไขมันจะมีน้ำหนักเบา แต่มีขนาดใหญ่ ในขณะที่มวลของกล้ามเนื้อจะมีความหนาแน่นกว่า เพราะกล้ามเนื้อเป็นที่กักเก็บเลือด น้ำ และเก็บสารอาหาร (จำพวกแป้ง) ไว้ เพราะฉะนั้นกล้ามเนื้อจึงมีน้ำหนักมากนั่นเอง

Bodyfat % คืออะไร?

คือ สัดส่วนของไขมันในร่างกาย โดยคิดออกมาเป็นร้อยละเมื่อเทียบกับน้ำหนักร่างกาย ตัวอย่างเช่น ชายคนหนึ่งมีน้ำหนัก 60 กิโลกรัม มีไขมันในร่างกาย 20% ก็จะเท่ากับมีไขมันหนัก 12 กิโลกรัม อย่างนี้เป็นต้น ทั้งนี้ หลักการการขึ้นหรือลงของ Bodyfat นั้นมีดังนี้

ความเชื่อที่ผิดในการลดน้ำหนัก

ความเชื่อและการกระทำที่ผิด จากที่จะช่วยลดน้ำหนักมันอาจกลายเป็นคุณกำลังเพิ่มน้ำหนักอยู่ก็ได้นะ

งดคาร์บ

การงดคาร์บ หรืองดแป้งเลย อาจเห็นผลได้เร็วในช่วงแรก น้ำหนักลดฮวบเลย แต่ต่อมาในระยะยาวร่างกายจะรู้ทัน และเริ่มรู้สึกว่าขาดสารอาหาร คราวนี้จะกลายเป็นว่าร่างกายต้องการอาหารหวานมาทดแทนแบบด่วน ๆ จึงส่งผลให้คนที่งดแป้ง งดคาร์บกลับมากินอาหารหวานมากขึ้น และมากขึ้นจนเกินความต้องการของร่างกาย สุดท้ายก็จะมาสะสมในร่างกายตามเดิม หรือบางทีอาจมากกว่าเดิม

ลดอาหาร

เพราะร่างกายคนเรามีระบบเผาผลาญที่ทำงานตลอดเวลา เมื่อเรากินน้อยลง ร่างกายได้รับสารอหารน้อยลง ซึ่งก็ส่งผลให้ร่างกายมีการเผาผลาญน้อยลงเช่นกัน ร่างกายก็เรียนรู้ได้อีกเช่นกัน เขาจะเก็บไขมันเอาไว้เผื่อสำรองให้ร่างกาย ซึ่งก็แปลว่าน้ำหนักจะเริ่มคงที่ ลดไม่ลง และเมื่อไหร่ก็ตามที่กลับมากินเท่าเดิมคราวนี้จะเกิดปรากฏการณ์ “โยโย่เอฟเฟกต์” กลายเป็นน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

หยุด! พฤติกรรมที่ไม่ควรทำหากจะ ‘ลดน้ำหนัก’

ออกกำลังกายมากไป

หลายคนใช้วิธีนี้ เพราะอยากเห็นผลเร็ว ๆ ออกกำลังกายอย่างหนักทุกวัน Cadio แทบทุกวัน ผลก็คือ น้ำหนักลดจริง กล้ามเนื้อก็หายไปด้วย เหลือแต่กระดูกกับไขมัน ผอมจริง แต่หุ่นไม่ดี

ยิ่ง Detox ยิ่งช่วยลดไขมันได้

หลายคนที่เข้าใจว่าการ Detox ช่วยลดไขมันได้ หลายคนจึงเน้นกินน้ำผัก และผลไม้ เน้นที่ไม่ค่อยมีคาร์บเท่าไหร่ จริงอยู่น้ำหนักลดลง อาจได้มากถึง 3 – 5 กิโลกรัมเลยทีเดียว แต่นั่นเป็นน้ำซะส่วนใหญ่ค่ะ ไม่ใช่ไขมันทั้งหมด

เน้นกินแต่สลัด

ลำพังว่าถ้ากินแต่เฉพาะผักก็ดีสิคะ แต่อย่าลืมว่าสลัดผักก็ต้องมาคู่กับน้ำสลัด ซึ่งเป็นตัวการทำให้แคลอรี่ในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น เพราะฉะนั้นน้ำสลัดควรเลือกในแบบที่มีคอเลสเตอรอลต่ำหรือหากเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็ใส่แต่น้อยนะคะ

ลดน้ำหนัก ง่าย ๆ แค่ปรับพฤติกรรมการกิน

หลักการลดไขมันที่ถูกต้อง

จากที่อ่านมาหลายคนอาจออกปากว่าทำไมจะลดน้ำหนักทั้งทีมันดูยากจัง ความจริงแล้วไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ เพียงแค่ยึดหลัก 3 ข้อนี้

การลดน้ำหนัก ไม่ใช่วัดที่ตัวเลข ต้องขึ้นตราชั่งทุกวัน แบบนี้จะยิ่งทำให้เราวิตกจริตมากไปใหญ่ เพราะก็ต้องมีบ้างแหละที่เรากินแป้งเยอะ กินน้ำเยอะ น้ำหนักก็อาจขึ้นมาได้บ้างเล็กน้อย แต่ถ้าเราออกกำลังกายอย่างพอดี ไม่งดแป้ง ไม่หลอกร่างกายตัวเอง และใจเย็น ๆ วันหนึ่งคุณก็จะมีรูปร่างที่ฟิตเฟิร์ม และสวยเซี๊ยะได้แล้วล่ะค่ะ