FAV – FAV A GOOD TIME –

7 เมนูขนมหวานไทยที่คุณสาวๆ ต้องจดไว้ติดบ้าน

7 เมนูขนมหวานไทยที่คุณสาวๆ ต้องจดไว้ติดบ้าน

ขนมหวานไทยอยู่คู่กับคนไทยมาช้านานในหลายยุคหลายสมัย ไม่ว่าจะเป็น ขนมชั้น ขนมต้ม ขนมกลีบลำดวน ขนมช่อม่วง ยิ่งทองหยิบ และ ฝอยทองได้ถูกค้นพบโดยท้าวทองกีบม้าในสมัยอยุธยา สตรีไทยในสมัยก่อนมักเป็นแม่บ้านแม่เรือน และส่วนมากมักจะทำขนมหวานไทยควบคู่ไปกับการทำอาหารเพื่อนำไปใส่ในสำรับที่จะรับประทานร่วมกันภายในบ้าน นอกจากนี้ขนมไทยยังถูกนำมาใช้ในพิธีมงคลสมรส อย่างขนมนพเก้าคือขนมทั้งเก้าที่เชื่อกันว่าเป็นขนมมงคลเพื่อใช้ประกอบในการทำพิธีวิวาห์มาจวบจนปัจจุบัน

และในวันนี้ดิฉันก็ได้คัดเมนูขนมหวานไทยจำนวน 7 เมนู ซึ่งเป็นสูตรของขนมไทยมาให้ทุกท่านได้ลองนำไปทำกันที่บ้านนะคะ อยากรู้ว่าทำอย่างไร มาดูกันเลยค่ะ

สาคูต้น ข้าวโพดมะพร้าวอ่อน

IMG BY : facebook

สำหรับเมนูแรกที่แนะนำวันนี้คือ ‘สาคูต้น ข้าวโพดมะพร้าวอ่อน’ ของดีเมืองพัทลุง ซึ่ง ‘สาคูต้น’ แตกต่างจากสาคูธรรมดาตรงที่เป็นต้นสาคูแก่จัด เมื่อนำมาขูดเนื้อในเพื่อทำแป้ง ตัวสาคูจะมีความใส เนื้อสัมผัสเนียนเหนียวนุ่ม ไม่คืนตัว และยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวอีกด้วยค่ะ

ส่วนประกอบของ สาคูต้น ข้าวโพดมะพร้าวอ่อน

ข้าวโพด 250 กรัม
เนื้อมะพร้าว ตามชอบ
ใบเตย 3 ใบ
สาคูต้น 250 กรัม
น้ำตาลทราย 400 กรัม
กระทิ 500 มิลลิลิตร

วิธีทำสาคูต้น ข้าวโพดมะพร้าวอ่อน

  1. เริ่มจากตั้งน้ำในหม้อต้มให้เดือดแล้วใส่ข้าวโพดลงไปต้มจนสุก จากนั้นตักพักไว้
  2. ถัดไปตั้งน้ำให้เดือดในหม้ออีกใบ นำใบเตยใส่ลงไปในหม้อ ต้มให้เดือด แล้วตัดใบเตยออก จากนั้นนำสาคูต้นลงไป ต้มและคนแบบไวๆ ไปเรื่อย ๆ จนสาคูเริ่มข้นและเหนียว
  3. เติมน้ำตาลทรายลงไป คนให้น้ำตาลให้ละลายเข้ากัน จากนั้นใส่เนื้อข้าวโพดที่ต้มพักไว้ลงไป คนให้เข้ากัน ตามด้วยเนื้อมะพร้าวที่เราขูดไว้
  4. ตั้งกะทิในหม้อ ใส่ใบเตยลงไปต้มให้เดือด จากนั้นตักใบเตยออก
  5. ตักสาคูต้นใส่ชาม ด้านบนราดด้วยน้ำกะทิใบเตยที่ต้มไว้ พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ

ครองแครงอัญชันน้ำกะทิ

IMG BY : bakery-lover

เรียกได้ว่าพลาดไม่ได้เลยกับ ‘ครองแครงอัญชันน้ำกะทิ’ ขนมไทยที่อร่อยจนเคี้ยวเพลิน ตัวครองแครงจะเหนียวๆนุ่มๆ อยู่ในน้ำกะทิหอมหวาน แถมยังเพิ่มสีสันให้กับตัวครองแครงด้วยอัญชันที่เป็นวัตถุดิบส่วนผสมในครั้งนี้

รูปภาพจาก https://www.pinterest.com/pin/697143217289414079/

ส่วนประกอบของครองแครงอัญชันน้ำกะทิ

แป้งมัน 2 ถ้วยตวง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
น้ำเปล่า 1½ ถ้วยตวง
ดอกอัญชันสด 20 ดอก
กะทิอบควันเทียน 1 ลิตร
น้ำตาลทราย 1¼ ถ้วยตวง
เกลือ 1 ช้อนชา
งาขาวคั่ว สำหรับโรยหน้า

วิธีทำของครองแครงอัญชันน้ำกะทิ

  1. เริ่มต้นด้วยการผสมแป้งมันกับแป้งข้าวเจ้าให้เข้ากัน จากนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน
  2. ต้มดอกอัญชัน จนออกสีน้ำเงินเข้ม แล้วกรองเอาแต่น้ำ จากนั้นแบ่งออกเป็น 2 ถ้วย ถ้วยแรก ⅔ ส่วน และถ้วยที่สอง ⅓ ส่วน แล้วผสมน้ำร้อน ⅓ ถ้วยลงไปในถ้วยที่สอง เพื่อให้ได้สีที่อ่อนกว่าเดิม
  3. เทน้ำต้มดอกอัญชันถ้วยแรก (สีเข้ม) ลงในถ้วยแป้งที่ได้แบ่งไว้ เอาไม้พายตะล่อมเร็ว ๆ ให้เข้ากัน แล้วค่อยนวดด้วยมือให้เข้ากัน
  4. ทำถ้วยที่สองแบบเดียวกัน แต่ใช้น้ำดอกอัญชันสีอ่อน
  5. ถัดจากนั้นนำแป้งที่นวดเตรียมไว้ มาแบ่งเป็นก้อนเล็ก ๆ ประมาณหัวนิ้วก้อย แล้วนำไปกดลงพิมพ์ครองแครง กดรูดไปด้านหน้า จะทำให้เกิดลายขึ้น
  6. นำตัวครองแครงที่ทำไว้ลงต้มในน้ำเดือด เมื่อสุกแล้วครองแครงจะลอยขึ้น ให้ตักแล้วนำลงแช่ในน้ำเย็น เพื่อไม่ให้แป้งเกาะตัวติดกัน
  7. ตั้งหม้อใช้ไฟกลาง ใส่กะทิ น้ำตาล และเกลือ คนให้ละลายเข้ากัน
  8. ตักครองแครงที่ต้มไว้ใส่ถ้วย ราดด้วยกะทิ โรยหน้าด้วยงาขาวคั่ว พร้อมรับประทาน

ทองหยิบ

IMG BY : cooking.kapook

มาดูขนมหวานไทยที่เมื่อพูดถึงแล้วขาดไม่ได้เลย นั่นคือ ทองหยิบค่ะ เรามักจะเห็นทองหยิบมีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด ไหนมีใครทราบบ้างคะว่าใครเป็นผู้ทำขนมทองหยิบนี้ขึ้นมา…ใช่แล้วค่ะทองหยิบเกิดขึ้นจากท้าวทองกีบม้าเป็นผู้คิดค้น ดังนั้นวันนี้ดิฉันจึงอยากจะชวนออเจ้าทุกคนมาลงมือเข้าครัวกันค่ะ

ส่วนประกอบของ ทองหยิบ

ไข่เป็ด 6 ฟอง
ไข่ไก่ 6 ฟอง
น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
น้ำเปล่า 1 ลิตร
กลิ่นมะลิ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำ ทองหยิบ

  1. เริ่มต้นด้วยการนำกระทะทองเหลืองตั้งบนเตาแก๊ส ตามด้วยการใส่น้ำตาลทรายและน้ำเปล่าลงไป จากนั้นเปิดไฟกลาง
  2. เมื่อน้ำตาลทรายและน้ำเปล่าละลายเข้ากันดีแล้ว ให้ใส่กลิ่นมะลิลงไป แล้วใช้ทัพพีตักแบ่งน้ำเชื่อมจากกระทะออกมาประมาณ 1 ถ้วยตวง แล้วนำมาพักไว้ทำเป็นน้ำเชื่อมเย็น
  3. เคี่ยวน้ำเชื่อมที่อยู่ในกระทะต่ออีกเป็นเวลา 10 นาที ให้น้ำเชื่อมข้นเป็นยางมะตูมค่ะ
  4. จากนั้นนำไข่เป็ดและไข่ไก่มาแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว โดยอย่าให้มีเศษไข่ขาวติดมาด้วย
  5. นำไข่แดงไข่เป็ดและไข่แดงไข่ไก่ที่แยกไว้มากรองด้วยผ้าขาวบาง เพื่อไม่ให้มีเศษไข่และทำให้เนื้อไข่เนียนมากขึ้น
  6. นำไข่แดงที่กรองแล้วมาตีด้วยตะกร้อมือให้พอขึ้นฟูเล็กน้อย จากนั้นเตรียมนำไปหยอดลงในน้ำเชื่อม
  7. เมื่อน้ำเชื่อมข้นเป็นยางมะตูมแล้วให้ปิดไฟ และรอให้น้ำเชื่อมนิ่งสนิทก่อนหยอดไข่ลงไป
  8. หากน้ำเชื่อมนิ่งแล้วให้ใช้ช้อนหยอดไข่ที่ตีเอาไว้หยอดไข่ลงในน้ำเชื่อม โดยยกช้อนขึ้นให้ไข่ไหลเป็นสาย หยอดให้หมดในครั้งเดียว ไม่ควรหยอดซ้ำเพราะจะทำให้ไข่หนาและเป็นก้อนได้ค่ะ
  9. หยอดไข่ให้ได้ขนาดใหญ่หว่าเหรียญสิบเล็กน้อย และหยอดแต่ละชิ้นให้ห่างกันเพื่อไม่ให้ไข่ติดกันเป็นก้อนค่ะ
  10. เมื่อหยอดไข่เสร็จแล้วให้เปิดไฟอ่อน ๆ เพื่อให้ไข่สุก เมื่อไข่มีสีเข้มขึ้นให้กลับไข่อีกด้านลงไปให้โดนน้ำเชื่อม ทำจนไข่สุกทั้งสองด้านค่ะ
  11. ตักไข่ขึ้นจากน้ำเชื่อมร้อนแล้วไปพักในน้ำเชื่อมเย็นเพื่อให้ไข่เย็นตัวลงและไล่ความหวานจากน้ำเชื่อมร้อนออกไป ก่อนนำมาจับจีบ
  12. จากนั้นเมื่อแช่ในน้ำเชื่อมเย็นแล้ว ให้ใช้มือจับจีบเป็น 3 และ 5 จีบ ก่อนนำไปใส่ในถ้วยตะไล แล้วทิ้งไว้เป็นเวลา 1 ชั่วโมงเพื่อให้ไข่เซตตัว
  13. เมื่อไข่เซตตัวแล้วให้ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มออกจากถ้วยตะไลและจัดลงจานนำไปรับประทานได้เลยค่ะ

ขนมตาล

IMG BY : cooking.kapook

อีกหนึ่งขนมหวานไทยยอดฮิตตลอดกาลคงจะขาด ‘ขนมตาล’ ไปไม่ได้ เพราะนอกจากเนื้อขนมจะนุ่มละมุนลิ้นแล้ว กลิ่นของขนมตาลก็หอมกรุ่นน่าลิ้มลองอีกด้วยค่ะ น่ารับประทานใช่ไหมคะ เราไปดูวิธีการทำกันเลยค่ะ

ส่วนประกอบของขนมตาล

เนื้อลูกตาลสุก 200 กรัม
แป้งข้าวเจ้า 250 กรัม
กะทิ 320 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 200 กรัม
ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
มะพร้าวขูด ตามชอบ

วิธีทำขนมตาล

  1. เร่มต้นด้วยการเทกะทิใส่ชามผสม ตามด้วยน้ำตาลทราย ผสมคนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย
  2. จากนั้นใส่เนื้อลูกตาลสุก และตีให้เข้ากัน
  3. ใส่แป้งข้าวเจ้าลงไป ผงฟู และเกลือ ตีวัตถุดิบทั้งหมดให้เข้ากัน จากนั้นกรองเพื่อให้เนื้อแป้งเนียนขึ้น แล้วพักแป้งไว้ 10 นาที เพื่อให้แป้งเซตตัว
  4. นำพิมพ์ใบตองไปนึ่ง เป็นเวลา 1 นาที ก่อนหยอดแป้ง เพื่อไม่ให้แป้งติดพิมพ์หลังจากนึ่ง
  5. จากนั้นหยอดแป้งลงไปจนเต็มพิมพ์ นึ่ง 20 นาที ยกออกจากเตา และพักไว้ให้เย็น
  6. จัดขนมตาลใส่จาน และโรยด้วยมะพร้าวที่ขูดไว้ค่ะ

ขนมชั้นอัญชัน

IMG BY : cooking.kapook

พลาดไม่ได้เลยค่ะ กับเมนูนี้ ‘ขนมชั้นอัญชัน’ นอกจากเนื้อขนมจะใช้สีธรรมชาติอย่างอัญชันแล้วแป้งขนมยังเหนียวนุ่มลิ้น แถมยังหอมกรุ่นกลิ่นมะลิอีกด้วยนะคะ ‘ขนมชั้นอัญชัน’ ยังเป็นขนมไทยสมัยโบราณตั้งแต่สมัยสุโขทัยและยังมีต้นตำรับดั้งเดิมมาจากชาววังเลยทีเดียว เห็นแบบนี้แล้วน่าสนใจใช่ไหมคะ เราไปเข้าครัวทำขนมชั้นโบราณกันเลยค่ะ

รูปภาพ

รูปภาพจาก Facebook Page : Mai Bakery House

ส่วนประกอบของขนมชั้นอัญชัน

หัวกะทิ 1000 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วย
แป้งเท้ายายม่อม 1/8 ถ้วย
แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วย
กลิ่นมะลิ ½ ช้อนชา
น้ำดอกอัญชันเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชเล็กน้อย สำหรับทาพิมพ์และมีด

วิธีทำขนมชั้นอัญชัน

  1. เริ่มต้นด้วยการร่อนแป้งมันสำปะหลัง แป้งข้าวเจ้า และแป้งท้าวยายม่อมเข้าด้วยกัน
  2. จากนั้นตั้งหม้อไฟกลาง ใส่น้ำกะทิกับน้ำตาลลงไป คนให้น้ำตาลให้ละลายจนหมด แล้วยกลงจากเตา
  3. เทน้ำกะทิลงไปในถ้วยที่เราเตรียมแป้งไว้ โดยค่อย ๆ เทใส่ทีละน้อย แล้วนวดแป้งให้เข้ากัน ใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาที เมื่อแป้งเข้ากันดีแล้วใส่กลิ่นดอกมะลิเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม
  4. จากนั้นเทกรองแป้งใส่ภาชนะสองใบให้เท่า ๆ กัน แล้วใส่น้ำอัญชันเข้มข้นลงไปในแป้งถ้วยที่ 1
  5. ตั้งลังถึงให้ร้อนจัด ทาน้ำมันที่พิมพ์แล้วจึงเทแป้งอัญชันลงไปชั้นแรกให้ได้ความหนาประมาณ 2 มิลลิเมตร นำไปนึ่งไฟอ่อน 6 – 10 นาที
  6. เมื่อแป้งสุกหมด นำออกมาพักจนเย็นสนิท แล้วใช้มีดที่ทาน้ำมันพอเคลือบใบมีด หั่นขนมชั้นเป็นชิ้น เพื่อไม่ให้ตัวขนมติดใบมีด จัดเสิร์ฟใส่จานไว้ให้สวยงามค่ะ

ทับทิมกรอบ

IMG BY : cookpad

หนึ่งในเมนูในใจของหลายคนคงจะหนีไม่พ้น ‘ทับทิมกรอบ’ เพราะนอกจากจะแสนอร่อยแล้วยังมีความหอมหวานของน้ำกะทิ รวมไปถึงความหนึบๆ ของแห้วที่เรานำมาห่อด้วยแป้งสีชมพูสวยๆ ทำให้เคี้ยวเพลินจนหยุดไม่อยู่ แค่ได้ยินชื่อก็ชวนสงสัยแล้วว่ามีขั้นตอนการทำอย่างไร อย่ารอช้าค่ะไปเข้าครัวกันเลยดีกว่า

ส่วนประกอบของ ทับทิมกรอบ

แห้วปอกเปลือกต้มสุก 300 กรัม
แป้งมันสำปะหลัง 150 กรัม
น้ำตาลทราย 200 กรัม
น้ำ 200 มิลลิลิตร
หัวกะทิ 200 มิลลิลิตร
ใบเตย 3 ใบ
เกลือ ½ ช้อนชา
สีผสมอาหารสีแดง ½ ช้อนชา

วิธีทำทับทิมกรอบ

  1. เริ่มต้นด้วยการหั่นแห้วเป็นชิ้นเต๋าขนาด 1 เซนติเมตร แล้วนำไปแช่ในน้ำเปล่าที่ผสมสีผสมอาหารสีแดงไว้ เป็นเวลา 15 นาที สีแดงที่ละลายน้ำไว้จะซึมเข้าไปในแห้ว ทำให้เปลี่ยนเป็นสีแดง
  2. นำแห้วที่เปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว ไปซับน้ำออกให้พอหมาดๆ แล้วนำไปคลุกกับแป้งมันให้ทั่วแห้ว
  3. ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด นำแห้วที่คลุกแป้งมันแล้วมาร่อนเอาแป้งส่วนเกินออก แล้วใส่ลงไปต้มในน้ำเดือด เมื่อแป้งที่เคลือบแห้วเริ่มเปลี่ยนเป็นสีใส และตัวทับทิมกรอบลอยขึ้นมา แสดงว่าสุกแล้ว ให้ตักขึ้นลงแช่ในน้ำเย็นจัด เพื่อให้แป้งเซตตัว
  4. จากนั้นตั้งหม้อบนเตา ใช้ไฟกลาง ใส่หัวกะทิ และใบเตยลงไป เมื่อหัวกะทิเริ่มร้อน ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนให้ละลายเข้ากันดี
  5. ตักทับทิมกรอบใส่ชาม ราดด้วยน้ำกะทิ อาจใส่น้ำแข็งเพิ่มเติมเพื่อความเย็นสดชื่น เพียงเท่านี้ก็พร้อมเสริ์ฟแล้วค่ะ

วุ้นกะทิใบเตย

IMG BY : pstip

มาดูเมนูสุดท้ายกันบ้างดีกว่า เมนูวุ้นกะทิใบเตย เชื่อว่าเป็นของโปรดของใครหลายๆ คนค่ะ เพราะนอกจากจะมีกลิ่นหอมของใบเตยเวลาลิ้มรสแล้ว ยังมีตัววุ้นกะทิยังเป็นส่วนผสมที่ตัดกับวุ้นใบเตยอย่างลงตัวอีก เวลารับประทานจะไม่หวานเกินไปและอร่อยกำลังดี แค่คิดก็น่ากินแล้ว เรามาดูวิธีการทำกันเลยค่ะ

ส่วนประกอบของ วุ้นกะทิใบเตย

ใบเตยหั่นชิ้น 12 ใบ
น้ำ 550 มิลลิลิตร
น้ำตาลทราย 95 กรัม
น้ำกะทิ 200 กรัม
ผงวุ้น 5 กรัม
เกลือ 1/2 ช้อนชา
ผ้าขาวบางและกระชอน สำหรับกรองน้ำใบเตย

วิธีทำวุ้นกะทิใบเตย

  1. เริ่มต้นด้วยการนำใบเตยหั่นชิ้นปั่นกับน้ำให้พอละเอียด แล้วกรองน้ำใบเตยด้วยผ้าขาวบางและกระชอนตาถี่เพื่อให้ได้น้ำใบเตยที่เข้มข้น
  2. นำน้ำใบเตยไปตั้งไฟ แล้วใส่ผงวุ้น คนจนผงวุ้นละลายจนหมด จึงใส่น้ำตาล คนจนน้ำตาลละลาย
  3. จากนั้นเทใส่พิมพ์ แล้วช้อนฟองออกเพื่อให้หน้าของวุ้นเรียบ นำวุ้นไปพักอุณหภูมิห้อง หรือตู้เย็นเพื่อให้วุ้นเซตตัว
  4. ต่อมาจะมาทำวุ้นกะทิ เริ่มจากตั้งหม้อไฟกลาง นำกะทิและน้ำใส่ลงไป ใส่ผงวุ้น คนจนผงวุ้นละลายหมด แล้วจึงใส่น้ำตาลและเกลือ คนจนละลาย
  5. จากนั้นนำไปเทใส่บนวุ้นใบเตยที่เซตตัวแล้ว ช้อนฟองออกเพื่อให้หน้าของวุ้นเรียบ นำไปพักให้เย็น
  6. ลงในตู้เย็นเพื่อให้วุ้นเซตตัว
  7. เมื่อวุ้นแข็งและเซตตัวแล้ว ให้นำมีดแซะที่ขอบเพื่อให้วุ้นหลุดจากพิมพ์ได้ง่าย เมื่อนำออกจากพิมพ์แล้วใช้ใบมีดหยักหั่นวุ้นเป็นชิ้นพร้อมจัดเสิร์ฟ เท่านี้ก็รับประทานได้แล้ว

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับเมนูขนมหวานไทยที่ดิฉันได้นำสูตรมาแจกในวันนี้แต่ละเมนูขนมไทยน่ารับประทานทั้งนั้นเลยใช่ไหมละคะ นอกจากจะมีวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในบ้านเราแล้วยังมีขั้นตอนกระบวนการทำที่ง่ายอีกด้วย เห็นแบบนี้คุณสาวๆ พลาดไม่ได้แล้วค่ะ อย่าลืมจดสูตรขนมไทยติดบ้านกันไว้ด้วยนะคะ

Exit mobile version