แนะนำหนังเกาหลีน่าดูใน VIU

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาพยนต์เกาหลีได้สร้างความตื่นตัวให้กับวงการภาพยนตร์และก่อให้เกิดกระแสเกาหลีนิยมเป็นอย่างมากในหลายประเทศ แม้แต่ในประเทศไทยเองก็ต้องยอมรับว่ามีสาวกหนังเกาหลีเกิดขึ้นเป็นจำนวนไม่น้อย ด้วยหลงเสน่ห์ที่ยากจะมีใครลอกเลียนแบบ ทั้งนักแสดงที่ไม่ว่าจะเป็นตัวเอก หรือ ตัวประกอบ ที่ล้วนแสดงบทบาทได้อย่างถึงพริกถึงเครื่องแบบไม่มีใครยอมใคร ทั้งการดำเนินเรื่องที่เป็นไปได้อย่างน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งบทพูดกระแทกกระทั้นกินใจประกอบกับเนื้อเรื่องที่มีครบทุกรสชาติ ตลอดจนตอนจบที่มักจะสร้างความสะเทือนใจและเรียกน้ำตาจากคนดูด้วยการปล่อยให้คนดูค่อยๆซึมซับอารมณ์ของหนังทีละน้อยๆมาตั้งแต่ต้น เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุให้หนังเกาหลีได้เข้าไปครองพื้นที่ในหัวใจของคนรักหนังชาวไทยได้ไม่ยาก จนในปัจจุบันมีการผลิตหนังเกาหลีออกมามากมาย และที่สำคัญคือผู้ชมชาวไทยอย่างเราสามารถเลือกดูกันได้ง่ายๆผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ

วันนี้เราจึงจะขอยกหนังเกาหลียอดนิยมจากแอพพลิเคชั่นออนไลน์อย่าง VIU มาแนะนำกัน ที่บอกเลยว่าสาวกหนังเกาหลีน่าจะยังประทับใจไม่หาย หรือ คนที่ไม่เคยดูหนังเกาหลีถ้าได้เริ่มดูเรื่องที่เราเลือกมานี้ อาจจะสมัครเข้าเป็นสาวกหนังเกาหลีกันแทบไม่ทันเลยทีเดียว

Miracle: Letters to the President | 기적

ผู้กำกับ	อีจางฮุน
เขียนบท	อีจางฮุน
พระเอก	พัคจองมิน
นางเอก	อิมยุนอา
ความยาว	1 ชั่วโมง 57 นาที
วันที่เข้าฉาย	15 กันยายน 2564
ประเภท	โรแมนติก | ดราม่า

เรื่องย่อของ Miracle: Letters to the President | 기적

ประเดิมเรื่องแรกด้วยหนังภาพสวยเนื้อหาอบอุ่นอย่าง Miracle: Letters to the President ที่บอกเล่าเรื่องราวความมุ่งมั่น ความหวัง และ ความฝันของเด็กหนุ่มกำพร้าแม่อย่าง จุนคยอง นักเรียนอัจฉริยะระดับชั้นมัธยมศึกษาที่อาศัยอยู่กับพ่อและน้องสาวของเขาที่หมู่บ้านบุนชอน ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆในแถบชนบทของเกาหลี แม้จุนคยองจะอยู่ในวัยที่ควรให้ความสำคัญกับเส้นทางเดินในอนาคตของตัวเขาเอง แต่เขาเลือกที่จะทิ้งเส้นทางเหล่านั้นเพื่อทุ่มเทความมุ่งมั่นของเขาทั้งหมดไปกับการพยายามทำให้หมู่บ้านที่เขาเกิดและเติบโตขึ้นมาได้มีสถานีรถไฟเล็กๆเพื่อจอดรับส่งผู้คนในหมู่บ้าน ความยากลำบากของคนในหมู่บ้านที่ต้องสัญจรเข้าออกจากที่พักอาศัยไปยังที่ต่างๆด้วยการเดินตามรางรถไฟ และ คอยหลบเบี่ยงตัวยามมีรถไฟแล่นผ่านยิ่งเป็นแรงผลักดันให้จุนคยองไม่เคยย่อท้อต่อความพยายามของเขา ซึ่งนั่นก็คือ การเขียนจดหมาย และการพยายามเข้าหาประธานาธิบดีของเกาหลีเพื่อขอความช่วยเหลือในการสร้างสถานีรถไฟ อย่างไรก็ตามจุนคยองไม่ได้ต่อสู้บนเส้นทางแห่งฝันนี้ตามลำพัง แต่ยังมีเพื่อนสาวที่หลงรักเขามาโดยตลอดอย่าง ราฮี คอยอยู่เคียงข้าง ให้กำลังใจ รวมถึงคอยให้พ่อของเธอซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ความช่วยเหลือกับเขาในทุกทางที่สามารถทำได้ สุดท้ายแล้วความฝันของจุนคยอง ความรักของราฮี จะประสบผลสำเร็จหรือไม่ และ ปาฏิหาริย์ที่จุนคยองค้นพบจะเป็นอะไร ต้องไปสัมผัสและรับชมด้วยตัวของคุณเองนะคะ

รีวิว Miracle: Letters to the President | 기적

ภาพยนตร์ที่จะเติมเต็มให้ทุกหัวใจอิ่มเอม และ ตื้นตัน ด้วยเรื่องราวของตัวละครเอกที่มีความฝันและความหวังในชีวิตที่สุดท้ายแล้วมิใช่การทำเพื่อตัวเขาเอง หากแต่เป็นความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อผู้คนรอบตัว เพิ่มความอบอุ่นในหัวใจด้วยภาพบรรยากาศธรรมชาติแถบชนบทที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างละมุนละไมสวยงาม ประกอบกับการเดินเรื่องที่มีการสอดแทรกเรื่องราวเหนือความเป็นจริงเข้ามาได้อย่างแยบยล ยิ่งเป็นสีสันและช่วยเพิ่มสุนทรียภาพให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างดี และเมื่อเรื่องราวในภาพยนตร์จบลง ตัวภาพยนตร์น่าจะได้ทิ้งแง่คิดรวมถึงมุมมองทัศนะให้กับผู้ชมเรื่องการใช้ชีวิตไม่มากก็น้อย หรือ อย่างน้อยๆก็ได้ทำให้เรารู้ว่าบางครั้งมาตรวัดความยิ่งใหญ่ของความฝันเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอไป แต่เป็นการที่เราได้ลงมือทำเพื่อความฝันนั้นอย่างเต็มที่ด้วยหัวใจของเราเท่านั้นนั่นเอง

Double Patty | 더블패티

ผู้กำกับ	แบคซึงฮวาน
เขียนบท	แบคซึงฮวาน
พระเอก	ชินซึงโฮ
นางเอก	เบจูฮยอน หรือ ไอรีน (Red Velvet)
ความยาว	1 ชั่วโมง 47 นาที
วันที่เข้าฉาย	17 กุมภาพันธ์ 2564
ประเภท	โรแมนติก | ดราม่า | การก้าวผ่านช่วงวัย

เรื่องย่อของ Double Patty | 더블패티

Double Patty ภาพยนตร์ที่จะโหมไฟในหัวใจของคุณที่อาจจะใกล้มอดดับให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเตรียมพร้อมออกวิ่งบนเส้นทางแห่งความฝันที่คุณอาจจะยังไม่เห็นเส้นชัย ผ่านการบอกเล่าเรื่องราวการออกล่าความฝันของสองตัวละครหลักในเรื่องอย่าง อีฮยอนจี สาวมัธยมปลายที่มีความใฝ่ฝันและทำทุกหนทางเพื่อที่จะได้ขยับเข้าใกล้ความฝันที่จะได้เป็นผู้ประกาศข่าว และ คังอูรัม หนุ่มมัธยมนักมวยปล้ำที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงจนต้องตัดสินใจยุติเส้นทางสายนักกีฬามวยปล้ำอาชีพของเขาลงและหักเหเส้นทางชีวิตมาทำอาชีพในคลับหรือบาร์แทน ท่ามกลางการเดินทางสู่ปลายทางถนนแห่งความฝัน ความบังเอิญได้พาให้คังอูรัมได้มาเจอกับอีฮยอนจี ณ ร้านแฮมเบอร์เกอร์ที่เธอทำงานอยู่ หลังจากนั้นทางเดินแห่งฝันที่เคยเงียบเหงาก็กลับถูกเติมเต็มด้วยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ได้เริ่มก่อตัวขึ้น ความโดดเดี่ยว ความท้อแท้ที่เคยถาโถมจิตใจของทั้งคู่ครั้งแล้วครั้งเล่ากลับถูกคลายลงด้วยการเยียวยาที่ทั้งคู่มีให้กัน และแม้หนทางแห่งความฝันของทั้งคู่ยังดูลางเลือน แต่ทว่าตอนนี้มันกลับอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรู้สึกอุ่นใจในการมีอยู่ของกันและกัน ท้ายที่สุดทั้งสองจะจับมือพากันเดินไปยังปลายทางแห่งฝันได้หรือไม่ ต้องไปตามลุ้นเอาใจช่วยพวกเขาในภาพยนตร์ Double Patty กันเองนะคะ

รีวิว Double Patty | 더블패티

เอกลักษณ์อันโดดเด่นข้อหนึ่งของวงการภาพยนตร์เกาหลีคือการผลิตภาพยนตร์ที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับบรรดาผู้ชมภาพยนตร์ได้เป็นอย่างดี และ Double Patty ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ประสบผลสำเร็จอย่างมากในการส่งต่อแรงบันดาลใจที่ว่านั้นให้กับทุกหัวใจที่ย่อท้อ ด้วยเนื้อเรื่องที่จะชวนให้คุณได้เรียนรู้คุณค่าของการต่อกรอุปสรรคในชีวิต และ ปลุกความกล้าในหัวใจของคนที่หมดไฟฝันให้กล้าที่จะออกก้าวเดินตามหาความฝันอีกครั้ง นอกจากนี้ตัวภาพยนตร์ยังจุดประกายแง่คิดเกี่ยวกับการเดินทางบนถนนแห่งฝันที่ไม่เคยมีทางลัด ว่าการเข้าถึงเส้นชัยที่เราใฝ่ฝันนั้นคงมีช่วงเวลาของมัน ทั้งนี้ก็คงเพื่อให้เราได้รอ ได้เติบโตและเรียนรู้อย่างเต็มที่เสียก่อนจากรอยแผลที่เกิดจากการเดินสะดุดล้มครั้งแล้วครั้งเล่า หรือแม้แต่ให้เราแข็งแกร่งขึ้นจากการฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามแหลมคมที่อาจจะทิ้งรอยขีดข่วนบาดลึกบนผิวเนื้อ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม บนถนนแห่งฝันที่ไม่เคยมีป้ายบอกระยะทางที่ยังคงเหลือนี้ สิ่งที่ดีที่สุดอาจจะเป็นเพียงการได้มีใครสักคนร่วมทางกับเราเพื่อช่วยผลักดันกันและกันให้ก้าวข้ามอุปสรรคและคอยนั่งพักเป็นเพื่อนยามเหนื่อยล้า ก่อนที่จะพากันพยุงลุกขึ้นออกเดินต่อไปสู่จุดหมายปลายทางร่วมกัน

Innocence | 결백

ผู้กำกับ	พัคซังฮยอน
ผู้เขียนบท	พัคซังฮยอน
นักแสดงนำ	ชินฮเยซอน, แบจงอ๊ก, ฮอจุนโฮ, ฮงคยอง
ความยาว	1 ชั่วโมง 51 นาที
วันที่เข้าฉาย	10 มิถุนายน 2563
ประเภท	สืบสวน | ดราม่า | กฎหมาย

เรื่องย่อของ Innocence | 결백

ภาพยนตร์ Innocence ภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างจากคดีโด่งดังที่เคยเกิดขึ้นจริงในเกาหลีเมื่อช่วงปี 2015 โศกนาฏกรรมที่แฝงไปด้วยความอาฆาตมาดร้ายและเต็มไปด้วยเงื่อนงำอันน่าสงสัยเริ่มต้นขึ้นในงานพิธีคำนับศพแห่งหนึ่ง เมื่อนายกเทศมนตรีชูและแขกผู้ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกับเขาเกิดมีอาการอาเจียนอย่างรุนแรง ภายหลังสืบสวนพบว่าพวกเขาได้รับยาพิษที่ถูกผสมลงในเครื่องดื่ม ท้ายที่สุดตัวนายกเทศมนตรีไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต แต่ก็มีผู้ที่ต้องจบชีวิตลงหลายคนเช่นกัน ทั้งพยานแวดล้อมและหลักฐานในที่เกิดเหตุต่างมุ่งชี้เป้าไปที่เจ้าภาพในงาน 2 คนคือ แชฮวาจา หญิงชราซึ่งเป็นโรคสมองเสื่อม และ ลูกชายวัยรุ่นของเธอที่เป็นเด็กออทิสติกชื่อว่า จองซู แม้ว่าต่อมาแชฮวาจาจะยินยอมลงนามรับสารภาพโดยระบุว่าลูกชายของเธอไม่มีส่วนรู้เห็น แต่ลูกสาวของเธออีกคนอย่าง อันจองอิน ซึ่งในขณะนั้นเป็นทนายความที่มีชื่อเสียงโด่งดังกลับพบพิรุธและข้อสงสัยมากมายในสำนวนคดีความประกอบกับการเร่งรัดปิดสำนวนจนผิดสังเกต ท้ายที่สุดเธอตัดสินใจทิ้งปมอันเจ็บปวดในอดีตต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องหนีออกจากบ้านมาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ และ ตกลงใจที่จะกลับไปยังบ้านเกิดของเธอซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ เพื่อสืบหาความจริงและพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับแม่ของเธอ ตลอดการสืบหาข้อเท็จจริงของคดี อันจองอินได้พบกับเรื่องราวซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากมายที่เธอจำต้องไขให้ออกเนื่องด้วยมีชีวิตแม่ของเธอเป็นเดิมพัน ท้ายที่สุดแล้วปมเงื่อนของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ รวมถึง ปมในอดีตอันเจ็บปวดของอันจองอินจะถูกคลายลงได้หรือไม่ ไปร่วมกันสืบหาตัวคนร้ายตัวจริง และ เอาใจช่วยเธอกันได้ในภาพยนตร์ Innocence นะคะ

รีวิว Innocence | 결백

สำหรับใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนแบบคละเคล้าไปด้วยเรื่องราวที่เล่นกับอารมณ์และความรู้สึก แบบที่ว่าต้องคอยเกาะขอบจอจิกเบาะเก้าอี้ลุ้นระทึกเพื่อค้นหาตัวคนร้าย ไปพร้อมๆกับการเผชิญความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ไปด้วย ต้องห้ามพลาดกับภาพยนตร์เรื่อง Innocence ด้วยเสน่ห์ของหนังแนวดราม่าสืบสวนสอบสวนที่จัดมาให้ผู้ชมแบบครบเครื่อง โดยการเล่นกับความรู้สึกของผู้ชมภาพยนตร์ด้วยปมความสัมพันธ์ของตัวละครที่เป็นแม่กับลูก ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวปูมหลังอันแสนเจ็บปวดระหว่างกัน ผูกปมซ้อนเพิ่มความน่าติดตามด้วยเงื่อนงำ และ ปมข้อสงสัยที่เกิดขึ้นอันนำมาซึ่งการสืบหาข้อเท็จจริงที่อยู่เบื้องหลังคดีอันน่าสะพรึงกลัว เมื่อเงื่อนปมทั้งหมดถูกนำมาเกี่ยวกระหวัดรวมกันยิ่งเพิ่มความน่าสนใจและน่าติดตามให้กับผู้ที่ชมภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นการปลุกความกระหายใคร่รู้ความจริงที่ซ่อนอยู่หลังโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น การก่อให้เกิดอารมณ์ระแวงระคนสงสัยในความบริสุทธิ์ทางคดีความของตัวละครแต่ละตัว รวมถึงการบีบคั้นอารมณ์ของผู้ชมเรื่องความรักความอบอุ่นของคนในครอบครัว สุดท้ายแล้วเมื่อภาพยนตร์จบลงเราอาจได้เรียนรู้ว่าบางครั้งความจริงที่เราเห็นก็อาจเป็นเพียงแค่ความลวงที่ถูกปั้นแต่งให้ดูสมจริงก็เป็นได้

The Neighbor | 이웃사람

ผู้กำกับ	ฮวีคิม
เขียนบท	คังฟู
นักแสดงหลัก	คิมแซรน, คิมยุนจิน, ชอนโฮจิน, คิมซองคยุน
ความยาว	1 ชั่วโมง 50 นาที
วันที่เข้าฉาย	22 สิงหาคม 2555
ประเภท	ระทึกขวัญ | อาชญากรรม

เรื่องย่อของ The Neighbor | 이웃사람

ในวันที่เหตุการณ์ทุกอย่างดูน่าจะดำเนินไปอย่างปกติเหมือนเช่นทุกวัน ขณะที่วอนยอซอนกำลังยืนรอแม่เลี้ยงของเธอมารับที่ป้ายรถเมล์ เธอพบว่าแม่เลี้ยงของเธอกลับผิดนัดและไม่ได้มาหาเธอตามที่นัดกันไว้ เธอจึงจำต้องขึ้นรถและเดินทางกลับบ้านตามลำพัง โดยเธอคงไม่เคยคาดคิดเลยว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายบนโลกใบนี้ของเธอ หลังจากเวลาผ่านไปไม่นานนัก ศพของวอนยอซอนที่ถูกฆาตกรรมโดยเพื่อนบ้านร่วมอพาร์ตเมนท์เดียวกันกับเธอถูกค้นพบในกระเป๋าเดินทางสีแดง แม้ว่าเพื่อนบ้านส่วนมากจะรู้สึกสงสัยในความมีพิรุธของตัวฆาตกรและเชื่อมั่นว่าเขาเป็นคนทำมากเพียงใด แต่ความเห็นแก่ตัวด้วยกลัวว่าตัวเองจะถูกพาเข้าไปพัวพันในเรื่องที่อาจจะก่อให้เกิดผลเสียกับตัวเองกลับมีมากกว่า ผลคือฆาตกรยังคงลอยนวลและดำเนินชีวิตไปตามปกติ จนกระทั่งวันหนึ่ง ยูซูยอน เด็กผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนวอนยอซอนได้ปรากฏตัวขึ้น การปรากฏตัวของยูซูยอนนั้นได้ทำลายความสงบในจิตใจของฆาตกรลงจนถึงขั้นปลุกปั่นจิตใจของเขาให้ต้องการลงมือฆาตกรรมอีกครั้ง และในขณะเดียวกันมันก็ยิ่งตอกย้ำความคิดถึงและความรู้สึกผิดของผู้ที่เป็นแม่เลี้ยงที่พร่ำโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกเลี้ยงของเธอต้องจบชีวิตลงด้วยสาเหตุอันมาจากการผิดนัดของเธอ ท้ายที่สุดแล้วความผิดที่ติดค้างในใจของตัวละครในเรื่องได้ก่อให้เกิดความหลอนขึ้นในจิตใจของพวกเขาที่เป็นดั่งฝันร้ายคอยหลอกหลอนและกัดกินใจพวกเขาทุกชั่ววันคืน ความหลอนอันน่าสะพรึงนั้นคืออะไร และ พวกเขาจะหลุดพ้นจากความผิดบาปที่เกาะหุ้มในจิตใจของพวกเขาได้หรือไม่ ขอเชิญคุณเข้าไปสัมผัสประสบการณ์นั้นและร่วมลุ้นระทึกไปกับพวกเขาได้ใน The Neighbor (อำมหิตจิตข้างบ้าน) ทางแอพพลิเคชั่น VIU ได้เลยค่ะ

รีวิว The Neighbor | 이웃사람

ภาพยนตร์แนวระทึกขวัญที่ถึงแม้จะออกฉายมาแล้วหลายปีแต่ก็ยังคงสร้างความรู้สึกหดหู่ให้กับผู้ชมในทุกครั้งที่ดูด้วยการสะท้อนภาพสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัวและการเอาตัวรอด เพิ่มระดับความจิตตกด้วยอายุของเหยื่อที่ประสบกับชะตากรรมอันแสนโหดร้ายในเรื่องที่เป็นเพียงเด็กผู้หญิงวัยมัธยมต้นเท่านั้น ตลอดการดำเนินเรื่องแม้ตัวหนังจะไม่ได้ปิดบังหรือมีเงื่อนงำใดๆเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมหรือตัวคนร้ายแต่ยังคงความน่าสนใจและน่าติดตามไว้ได้อย่างดีด้วยประเด็นด้านการต่อสู้ภายในจิตใจของมนุษย์ ระหว่างมโนสำนึกในการทำ ในการพูดในสิ่งที่ควรและถูกต้อง กับ การเอาตัวรอดเพื่อหลีกหนีปัญหาหรือหลีกหนีความเป็นจริง ซึ่งตัวภาพยนตร์ The Neighbor ได้ทำให้เราลองย้อนกลับมามองและคิดถึงในแง่มุมชีวิตเรา โดยเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในแต่ละวันที่ชีวิตเราดำเนินไป เราต่างเป็นประจักษ์พยานในการพบเห็นปัญหาบางอย่าง ซึ่งทำให้เราจำต้องเลือกอยู่เสมอระหว่างการลุกขึ้นพูดหรือแย้งสิ่งที่เราเห็นว่าเป็นปัญหา กับ การเลือกที่จะวางเฉยต่อปัญหานั้นๆเพียงเพราะไม่ต้องการตกเป็นเป้าแห่งความสนใจ ท้ายที่สุดเชื่อว่าผู้ที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้คงได้กลับไปขบคิดถึงวิธีเผชิญหรือรับมือกับปัญหาของตนไม่มากก็น้อย หรือ อย่างน้อยๆภาพยนตร์เรื่องนี้ก็น่าจะทำให้เรารู้ว่าปัญหาทุกอย่างมีทางออก และ การเดินไปสู่ทางออกนั้นอาจจะเริ่มต้นด้วยการยอมรับความจริงว่าปัญหามันได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆเท่านั้นเอง

Deliver Us From Evil | 다만 악에서 구하소서

ผู้กำกับ	ฮงวอนชาน
เขียนบท	ฮงวอนชาน
นักแสดงนำ	ฮวังจองมิน, อีจุงแจ
ความยาว	1 ชั่วโมง 43 นาที
วันที่เข้าฉาย	1 ตุลาคม 2563
ประเภท	แอคชั่น | ดราม่า

เรื่องย่อของ Deliver Us From Evil | 다만 악에서 구하소서

เรื่องราวไล่ล่าสุดระห่ำแบบไม่ยำเกรงนรกเริ่มต้นขึ้นเมื่อ คิมอินนัม นักฆ่าฝีมือพระกาฬได้รับมอบหมายภารกิจให้ไปสังหาร โกเรดะ ยากูซ่าใหญ่แห่งกรุงโตเกียว และก็เป็นอีกครั้งที่เขาสามารถลุล่วงเป้าหมายภารกิจและสังหารเหยื่อของเขาได้สำเร็จ หลังจบงานคิมอินนัมตัดสินใจทิ้งเส้นทางสายอาชีพนักฆ่าเพื่อใช้ชีวิตที่เหลือของตนอย่างเงียบๆ แต่แล้วภาพฝันที่ตัวเองจะได้ไปผ่อนคลายอย่างสงบสุข ณ ริมหาดที่ใดที่หนึ่งบนโลกกลับต้องพังครืนลงด้วยมรสุม 2 ลูกใหญ่ มรสุมแรกคือการเสียชีวิตลงของอดีตคนรักของเขาที่ประเทศไทย ซ้ำร้ายลูกสาวของเธอที่ชื่อว่า ยูมิน ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเขาจะเป็นพ่อยังถูกลักพาตัวไป ทันทีที่คิมอินนัมทราบเรื่อง เขาตั้งเป้าหมายใหม่ในชีวิตของเขาทันที นั่นคือการสืบหาตัวยูมินที่หายตัวไป ขณะที่คิมอินนัมยังคงต้องต่อสู้กับมรสุมลูกแรก มรสุมลูกที่สองก็ได้ตามไล่ล่าเขาอย่างดุเดือด เมื่อ เรย์ นักฆ่าเลือดเย็นไร้ความปรานีผู้เป็นน้องชายของ โกเรดะ ต้องการล้างแค้นให้กับพี่ชายของตน การไล่ล่าสุดระห่ำเฉือนคมกันแบบไม่กลัวตายจึงเกิดขึ้น เสริมความคลั่งและดุเดือดให้ถึงขีดสุดเมื่อการหายตัวไปของยูมินดันไปเชื่อมโยงกับเครือข่ายค้ายาและค้ามนุษย์รายใหญ่ในไทยที่ออกไล่ล่านักฆ่าต่างแดนทันทีที่กล้ามากระตุกหนวดเสือ จุดจบการไล่ล่าระหว่างสองนักฆ่า และ หนึ่งกลุ่มอิทธิพลดำมืดจะจบลงอย่างไร และ เนื้อเรื่องจะดุดันแสบทรวงถึงนรกขนาดไหน ลองไปติดตามกันได้ใน Deliver Us From Evil (ให้มันจบที่นรก) นะคะ

รีวิว Deliver Us From Evil | 다만 악에서 구하소서

ภาพยนตร์ที่ทุบสถิติทำรายได้เปิดตัวถล่มทลายและเป็นที่กล่าวถึงในวงนักวิพากษ์วิจารณ์ของเกาหลี จนนักวิจารณ์บางท่านถึงกับเอ่ยปากยกให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ครองตำแหน่งหนังแอคชั่นแห่งปี ด้วยการดำเนินเรื่องที่ไม่ซับซ้อนแต่ยังคงไว้ได้ทั้งความน่าติดตาม และ อารมณ์ลุ้นระทึกตลอดทั้งเรื่อง โดยการใส่ฉากความดุเดือดเลือดพล่านและความดิบเถื่อนของการไล่ล่ามาได้แบบพอดิบพอดี ผสานกับความบ้าระห่ำของตัวละครในฉากที่ต้องต่อสู้กันแบบระยะประชิดที่ทำออกมาได้แบบสมจริง เหล่านี้ล้วนทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมากในการตรึงผู้ชมเอาไว้ให้อยู่กับตัวภาพยนตร์ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ และเมื่ออารมณ์ความตื่นเต้นของผู้ชมถูกพาขึ้นไปให้ถึงขีดสุด ตัวภาพยนตร์ก็ยังมีฉากดราม่าสะเทือนใจรวมถึงฉากความน่ารักของนักแสดงเด็กผู้หญิงในเรื่องเข้ามาคั่นบ้างประปรายเพื่อคานอารมณ์และพักให้ผู้ชมได้หายใจกันให้ทั่วท้องก่อนจัดหนักจัดเต็มกับดีกรีความโหดมันส์ถึงใจอีกครั้ง หากภาพยนต์เปรียบเสมือนอาหาร ภาพยนต์เรื่องนี้ก็คงเปรียบเสมือนเมนูอาหารที่เราพอจะคาดเดารสชาดได้เพียงแค่เห็นชื่อเมนู แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังอดใจไม่ไหวที่จะสั่งมันมาทาน เพราะแค่ได้เห็นชื่อเมนูก็สามารถการันตีได้ถึงต้นฉบับความอร่อยสะใจแบบถึงเครื่อง ที่ไม่ว่าเราจะเลือกหยิบยกเมนูนี้ขึ้นมาตั้งโต๊ะเมื่อไหร่ ก็ยังคงไว้ได้ซึ่งความสามารถในการขึ้นครองเป็นที่หนึ่งเมนูอันแสบสันในดวงใจของเราได้ตลอดกาล

Pawn | 담보

ผู้กำกับ	คังแทกยู
ผู้เขียนบท	ยุนเจกยุน, ซนจูยอน
นักแสดงนำ	ซองดงอิล, ฮาจีวอน, คิมฮีวอน, พัคโซอี
ความยาว	1 ชั่วโมง 53 นาที
วันที่เข้าฉาย	29 กันยายน 2563
ประเภท	คอมเมดี้ | ดราม่า

เรื่องย่อของ Pawn | 담보

เติมเต็มความละมุนละไมให้หัวใจด้วยภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวความรัก ความอบอุ่น และ การเยียวยาซึ่งกันและกันของคนในครอบครัว เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อแม่ของ อีซึงอี เด็กสาวน่ารักวัย 9 ขวบติดค้างการชำระหนี้ให้กับบริษัทเงินกู้นอกระบบ พนักงานทวงชำระหนี้อย่าง พัคดูซอก และ จงแบจึงนำเด็กหญิงมาเป็นตัวค้ำประกันชั่วคราวเพื่อเป็นการเร่งรัดให้แม่ของเธอรีบหาเงินมาชดใช้ให้พวกเขา แต่เรื่องราวกลับเลยเถิดไปมากกว่านั้นเมื่อต่อมาแม่ของอีซึงอีซึ่งเป็นคนต่างด้าวที่หลบซ่อนอยู่อย่างผิดกฎหมายเกิดถูกส่งตัวกลับไปยังประเทศบ้านเกิด โดยก่อนที่เธอจะถูกส่งตัวกลับไป เธอได้ติดต่อมายังพัคดูซอกเพื่อให้เขาพยายามติดต่อหาลุงของอีซึงอีเพื่อให้มารับเธอไปอุปการะเลี้ยงดู แต่หลังจากนั้นไม่นาน พัคดูซอกและจงแบกลับได้รับโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากอีซึงอี น้ำเสียงสะอื้นไห้สั่นเทาจากปลายสายทำให้คุณลุงทั้งสองรีบเดินทางไปพาตัวเธอออกมาจากสถานที่ที่เธอถูกนำไปขายเพื่อเป็นเด็กรับใช้และตัดสินใจรับเธอมาอุปการะเลี้ยงดูอยู่ในความปกครองของพวกเขาในที่สุด ความรักความผูกพันของคนทั้ง 3 ต่างเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านการทะนุถนอมดูแลซึ่งกันและกัน ผ่านช่วงวัยแห่งการเจริญเติบโตของอีซึงอีซึ่งโตขึ้นมาเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม ถึงแม้ว่าชีวิตของอีซึงอีดูจะไม่ได้ต้องการอะไรในชีวิตมากไปกว่านี้ แต่เธอในวัยผู้ใหญ่กลับพยายามตามหาใครสักคนที่ดูว่าน่าจะมีความสำคัญกับเธออย่างที่สุด ซึ่งรับรองได้เลยว่าเมื่อผู้ชมรู้คำตอบเกี่ยวกับคนที่เธอค้นหา คงต้องเต็มตื้นไปด้วยความอบอุ่นเคล้าความสะเทือนอารมณ์ และเสียน้ำตาให้กับสายใยความรัก ความผูกพันของตัวละครในเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

รีวิว Pawn | 담보

การันตีความอบอุ่น ซาบซึ้ง และกินใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยการติดอันดับ 1 ใน 10 หนังที่ทำรายได้ถล่มทลายในปี 2020 ด้วยการดำเนินเรื่องเรียบง่ายไม่ซับซ้อน อีกทั้งบุคลิกตัวละครที่ดูจริงใจเข้าถึงได้ง่าย ประกอบกับเสน่ห์ด้านการแสดงอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งการแสดงออกถึงความรัก ความห่วงหาอาทรระหว่างคนในครอบครัวผ่านสีหน้าหรือสายตาที่ส่งหากัน เหล่านี้ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ผู้ชมหลงรัก ผูกพัน และพร้อมจะเสียน้ำตาไปกับตัวละครได้อย่างไม่ยาก ความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับทั้งตัวนักแสดงหลักชาย 2 คนที่รับบทเป็นลุงนักทวงหนี้ที่แสดงออกให้ผู้ชมรับรู้ถึงความรักของพวกเขา ผ่านแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวังที่จะได้เห็นเด็กหญิงที่พวกเขาเลี้ยงดูได้เติบโตอย่างงดงาม ผ่านการแสดงออกถึงการโอบอุ้ม และ การประคับประคองเด็กหญิงทั้งด้านร่างกายและด้านจิตใจ นอกจากนี้ตัวนักแสดงนำเด็กในเรื่องก็ได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณอันไร้เดียงสาบริสุทธิ์ และ ส่งผ่านรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสดใสถึงหัวใจของผู้ชมได้อย่างน่าประทับใจที่สุด และเมื่อเรื่องราวในภาพยนตร์จบลงเชื่อว่าผู้ชมจะพบว่าความสุขที่สุดในชีวิต อาจไม่ได้หมายถึงการครอบครองสิ่งหรูหรา หรือ ความเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ แต่อาจจะเป็นเพียงแค่รอยยิ้มจากใครสักคน ความอบอุ่นที่ส่งให้กันจากใจถึงใจ และ ความเชื่อมั่นในมือที่จะจับกันและกันไว้เสมอแม้ในยามที่ยากที่จะสุขเท่านั้นเอง

Kim Ji Young: Born 1982 | 82년생 김지영

ผู้กำกับ	คิมโดยอง
ผู้เขียนบท	โจนัมจู, ยูยองอา, คิมโดยอง
พระเอก	กงยู
นางเอก	จองยูมี
ความยาว	1 ชั่วโมง 58 นาที
วันที่เข้าฉาย	24 ธันวาคม 2562
ประเภท	ครอบครัว | ดราม่า

เรื่องย่อของ Kim Ji Young: Born 1982 | 82년생 김지영

ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องผ่านวิถีชีวิตที่ดำเนินไปของหญิงสาวที่มีชื่อว่าคิมจียอง โดยตัดสลับไปมากับช่วงชีวิตในวัยเด็ก และ ช่วงเวลาต่างๆในชีวิตของเธอ คิมจียองพบว่าแม้กาลเวลาจะเดินไปข้างหน้า แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเลยคือกรอบแห่งขนบที่ครอบความคิดและกำหนดการกระทำให้เพศหญิงเป็นเพศที่ต้องเสียสละ ละทิ้งความฝัน และ ดำรงชีวิตของเธอเพื่อผู้อื่น ทัศนะที่ผู้หญิงถูกมองเป็นเพียงเบี้ยล่างของเพศชายและไม่ควรได้รับความเสมอภาคเท่าเทียมนี้ถูกส่งผ่านปลูกฝังกันมารุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นความชอบธรรมในสังคมไปโดยปริยาย ทั้งแม่เธอและแม่สามีซึ่งเป็นเพศเดียวกันกับเธอซึ่งควรจะเข้าใจและเห็นใจในความเจ็บปวดจากการโดนกรอบสังคมที่มีชายเป็นใหญ่กดทับก็ดูจะไม่แยแสในความอยุติธรรมนั้นและมีบางครั้งที่ดุด่าเธออย่างรุนแรงเมื่อเธอพยายามแหกกรอบธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมาช้านาน แม้ว่าคิมจียองจะมีสามีอย่างจองแดฮยอน ที่พร้อมจะเข้าใจ และ เป็นห่วงในความอ่อนไหวด้านอารมณ์ของเธอต่อประเด็นสิทธิเสรีภาพสตรีดังกล่าว แต่ความอัดอั้นในความเหลื่อมล้ำที่เธอได้เห็นและแบกรับมาตั้งแต่เด็กกลับค่อยๆบีบรัดเธอจากภายในจนจิตใจของเธอได้รับความบอบช้ำจนถึงขั้นระเบิดความซึมเศร้าออกมาในที่สุด ท้ายสุดแล้วการต่อสู้ของสิทธิสตรีที่อยู่ภายในใจของคิมจียอง จะสามารถทลายปราการกำแพงแห่งสังคมบุรุษนิยมได้หรือไม่ สามารถติดตามชีวิตของเธอได้ใน Kim Ji Young: Born 1982 นะคะ

รีวิว Kim Ji Young: Born 1982 | 82년생 김지영

ภาพยนตร์เรื่อง Kim Ji Young: Born 1982 เป็นเรื่องราวของการพยายามดิ้นรนต่อสู้ของผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง ต่อความต้องการที่จะมีเสรีภาพที่จะแสดงออกหรือมีสิทธิในการเลือกทางเดินชีวิตได้อย่างเท่าเทียมกันกับเพศชายภายใต้ขนบประเพณีและสังคมที่ยังคงยกย่องให้ชายเป็นใหญ่ ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นอารมณ์เก็บกดและอัดอั้นของตัวละครที่พยายามจะเปล่งเสียงร้องอุทธรณ์ในความไม่เท่าเทียมกันในเรื่องของเพศสภาพที่เธอได้พบมาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน การกดเก็บและบีบคั้นอารมณ์ของตัวละครในบางฉากส่งผลให้ผู้ชมรู้สึกถูกบีบรัดด้วยสิ่งที่ตัวละครเอกเจอได้อย่างไม่ยาก สุดท้ายแล้วเสียงแห่งการเรียกร้องของตัวละครเอกหญิงในเรื่องจะเป็นเพียงเสียงที่ไร้ค่าฟังไม่ได้ศัพท์ หรือ จะกลายเป็นเสียงที่เปี่ยมด้วยคุณค่าและความหมาย ขนบประเพณีที่มีมาจะเป็นดั่งพันธนาการที่กักขังเสรีภาพ หรือ เป็นดั่งกรอบปฏิบัติให้ทุกชีวิตได้ดำเนินไปตามครรลอง คงสุดแล้วแต่มุมมองทัศนะของผู้ชมแต่ละคน แต่อย่างน้อยๆสิ่งที่ภาพยนตร์เรื่อง Kim Ji Young: Born 1982 ได้ทิ้งไว้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเริ่มรับฟังเพื่อนำไปสู่การให้คุณค่าในความเป็นคนโดยไม่มีการนำเรื่องเพศสถานะมาเป็นปัจจัยในการชี้วัด เพราะแค่การรับฟัง ในบางครั้งก็มากพอและเพียงพอแล้วสำหรับชีวิตของใครสักคนหนึ่ง

สำหรับการชมภาพยนตร์ เชื่อว่าทุกคนต่างมีเหตุผลในการเลือกที่จะชมภาพยนตร์ในแต่ละเรื่อง โดยเหตุผลเบื้องหลังการเลือกชมภาพยนตร์นั้นอาจเพียงเพราะเรารู้สึกเชื่อมโยงได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครด้วยเคยได้รับประสบการณ์ในแบบเดียวกัน หรือ เค้าโครงเรื่อง เหตุการณ์ในเรื่อง ที่ทำให้หวนนึกถึงเรื่องราวของตนเอง หรือ แม้กระทั่งอาจจะเพราะชื่นชอบในตอนจบของภาพยนตร์ที่ดูสมจริงและไม่ดูสวยงามจนเกินไปซี่งตอกย้ำความธรรมดาของโลกให้เราเห็นว่าความทุกข์หรือปัญหาในชีวิตบางทีก็เป็นสิ่งธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ ทำให้เรารู้สึกตระหนักได้ในชีวิตของเราว่าตอนจบของบางปัญหาอาจไม่ได้จบลงด้วยรอยยิ้ม เฉกเช่นเดียวกันกับตอนจบของบางตัวละครที่อาจไม่ได้จบลงอย่างสวยงามเสมอไป สุดท้ายนี้หวังว่าทุกคนจะเจอภาพยนตร์ที่จะกลายเป็นภาพยนตร์สุดโปรดในดวงใจที่อยากจะหยิบมันมาดูทุกครั้งยามต้องการความผ่อนคลาย ภาพยนตร์ที่จะช่วยเติมเต็มความฝันสร้างแรงบันดาลใจในยามที่ท้อ ภาพยนตร์ที่จะช่วยมอบรอยยิ้มเสริมกำลังใจให้เราเสมอเมื่อเผชิญปัญหา และ ขอให้ VIU ได้เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะทำให้คุณได้พบภาพยนตร์สุดโปรดเรื่องนั้นนะคะ