ท่านผู้อ่านเคยเจอสถานการณ์แบบนี้กันไหมครับที่เมื่อตื่นขึ้นมาทุกเช้าก่อนไปทำงานต้อง อยากจะมีกาแฟดื่มสักแก้วต้องไปยืนรอนาน ๆ และเสียเงินเป็นจำนวนมากในการซื้อแต่ละครั้ง จะดีกว่าไหมหากเราสามารถทำกาแฟขึ้นมาเองได้โดย ที่เราไม่ต้องไปต่อแถวคอยและเสียเงินซื้อแต่สามารถทำเองได้ วันนี้ผมจึงอยากพาผู้อ่านทุกท่านมาเลือกดูเครื่องชงกาแฟจาก nespresso ว่ามีรุ่นไหนเหมาะสมแก่ท่านผู้อ่าน และน่าเลือกซื้อมาใช้กันครับ
สารบัญ
Nespresso รุ่น Inissia
มาเริ่มกันด้วยรุ่น Inissia ด้วยฐานที่มีขนาดเล็ก แต่มีดีไซน์ที่หรูหรา ที่มีสีสันสวยงามด้วยขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบาและมีรูปทรง ที่เหมาะกับการใช้งาน ทำให้ Inissia เป็นเครื่องชงกาแฟที่เหมาะกับการใช้งานในบ้านสำนักงานเล็ก ๆ ง่ายต่อการใช้งาน ซึ่งสามารถชงกาแฟแคปซูลในแบบบาริสต้า ด้วยแรงดัน 19 บาร์ และ ระบบการทำความร้อนเร็วภายใน 25 วินาที อีกทั้งยังมีระบบประหยัดพลังงานซึ่งจะปิดการทำงานอัตโนมัติภายใน 9 นาที
จุดเด่นของ Nespresso รุ่น Inissia
- ง่ายต่อการจัดวางและตกแต่ง ในที่แคบหรือพื้นที่จำกัดด้วยน้ำหนัก 2.4 กิโลกรัม และขนาดที่เล็ก
- สามารถรังสรรค์กาแฟในเวลาที่รวดเร็ว ด้วยแรงดัน 19 บาร์ และระบบทำความร้อนเร็วภายในไม่กี่วินาที
- มี 2 โปรแกรมอัตโนมัติสำหรับการทำกาแฟ คือ แบบเอสเพรสโซ่ และ ลุงโก
- รางวัลชนะเลิศการประกวด Red Dot Design ปี 2014
ข้อเสียของ Nespresso Inissia
- ทำได้ในปริมาณน้อย
- ต้องเตรียมวัตถุดิบใหม่ทุกครั้งเวลาจะทำกาแฟ
สเปกสินค้าของ Nespresso Inissia
น้ำหนัก | 2.4 กิโลกรัม |
---|---|
ความจุของถังน้ำ | 0.7 ลิตร |
ความจุของภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้ว | 11 |
แรงดัน | 19 BAR รับประกัน 2 ปี |
ขนาด | 12 x 30 x 23 cm. |
ความจุของกระบอกบรรจุนม | ไม่ระบุ |
Nespresso รุ่น ESSENZA MINI
ด้วยความตั้งใจของ Nespresso ที่จะทำเครื่องชงกาแฟที่สามารถเข้าถึงความต้องการของคนจำนวนมากได้ บวกกับความเชี่ยวชาญในการออกรูปแบบใหม่ทำให้ได้เครื่องชงกาแฟรุ่น ESSENZA MINI ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัดมากที่สุด ที่สามารถใช้งานได้ทั้งในบ้าน ในหอพัก หรือสำหรับใช้ในสำนักงานมีความโดเด่นจากการผสมผสานความง่ายในการใช้งาน คุณภาพของเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล และ ความสวยงามแบบทันสมัย
จุดเด่นของ Nespresso รุ่น ESSENZA MINI
- มีการปิดเครื่องอัตโนมัติใน 9 นาที
- แรงดัน 19 บาร์ รับประกัน 2 ปี
- ฟรี เซ็ตกาแฟแคปซูล 1 เซ็ต
- มีน้ำหนักเบา ผกพาไปนอกสถานที่ได้สะดวก และมีราคาถูก
ข้อเสียของ Nespresso รุ่น ESSENZA MINI
- มีความจุของถังน้ำที่น้อย มีข้อกำกัดหายต้องทำกาแฟเป็นจำนวนมาก
สเปกสินค้า Nespresso รุ่น ESSENZA MINI
น้ำหนัก | 2.3 กิโลกรัม |
---|---|
ความจุของถังน้ำ | 0.6 ลิตร |
ความจุของภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้ว | 6 |
แรงดัน | 19 BAR |
ขนาด | 11 x 32.5 x 20.5 cm. |
ความจุของกระบอกบรรจุนม | ไม่ระบุ |
Nespresso รุ่น Essenza Mini Bundle
ขยับราคากันขึ้นมาหน่อยนะครับ กับ Nespresso รุ่น Essenza Mini Bundle ที่มาพร้อมกับเครื่องตีฟองนม Aeroccino 3 สามารถเตรียมฟองนมสำหรับทำเมนูกาแฟต่าง ๆ ได้มากมาย เช่น คาปูชิโน่ ลาเต้ ลาเต้มัคคิเอโต้ แฟลตไวท์ และทำความสะอาดง่ายเพียงถอดแทงก์น้ำออกมาทำความสะอาดก็สามารถใช้ต่อได้เลย ไม่ต้องล้างอุปกรณ์บ่อย ๆ ทันสมัยด้วยแรงดัน 19 บาร์ และระบบทำความร้อนเร็วภายในไม่กี่วินาที
จุดเด่นของ Nespresso รุ่น Essenza Mini Bundle
- ทำได้ทั้ง Espresso และ Lungo
- ปิดเครื่องอัตโนมัติใน 9 นาที โดยอัตโนมัติ และควบคุมเอง
- มีเครื่องตีฟองนม Aeroccino 3 สามารถเตรียมฟองนมสำหรับทำเมนูกาแฟต่าง ๆ ได้
ข้อเสียของ Nespresso รุ่น Essenza Mini Bundle
- เครื่องเตรียมฟองนมสามารถทำเมนูกาแฟได้ในปริมาณที่จำกัด คือ คาปูชิโน่ 2 แก้ว ลาเต้ 1 แก้ว ลาเต้มัคคิเอโต้ 1 แก้ว และแฟลตไวท์ 1 แก้ว เท่านั้น
สเปกสินค้าของ Nespresso รุ่น Essenza Mini Bundle
น้ำหนัก | 3 กิโลกรัม |
---|---|
ความจุของถังน้ำ | 0.6 ลิตร |
ความจุของภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้ว | 6 |
แรงดัน | 19 BAR |
ขนาด | 8.4 x 20.4 x 33 cm. |
ความจุของกระบอกบรรจุนม | ไม่ระบุ |
Nespresso รุ่น GRAN LATTISSIMA
มาถึงเครื่องชงกาแฟที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกนิดกับ Nespresso รุ่น GRAN LATTISSIMA เครื่องชงกาแฟที่สามารถสร้างสรรค์เมนูกาแฟนมได้หลากหลายภายใต้ฟังก์ชันการใช้งานที่แสนง่ายในปุ่มเดียว ไม่ว่าคุณอยากจะดื่ม คาปูชิโน่ ลาเต้ แฟลตไวท์ ฟองนม และอื่น ๆ อีกมากมาย รุ่นนี้มีความพิเศษตรงที่มีระบบล้างอุปกรณ์ในตัว มีดีไซน์กะทัดรัด เรียบหรู และมีระบบแจ้งเตือนการให้ทำการขจัดคราบตะกรันภายในเครื่อง
จุดเด่นของ Nespresso รุ่น GRAN LATTISSIMA
- ฟรีกาแฟแคปซูล เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลสำหรับเครื่องชงกาแฟ Nespresso เท่านั้น
- สามารถทำความร้อนได้ใน 25 วินาที และ ปิดเครื่องอัตโนมัติใน 9 นาที
- ฟรีเครื่องทำฟองนม
- มีโหมดประหยัดพลังงาน
ข้อเสียของ Nespresso รุ่น GRAN LATTISSIMA
- เหมาะกับการใช้ภายในครัวเรือน หรือสำนักงานขนาดเล็ก
สเปกสินค้าของ Nespresso รุ่น GRAN LATTISSIMA
น้ำหนัก | 5.2 กิโลกรัม |
---|---|
ความจุของถังน้ำ | 1.3 ลิตร |
ความจุของภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้ว | 14 |
แรงดัน | 19 BAR |
ขนาด | 20.3 x 36.7 x 27.6 cm. |
ความจุของกระบอกบรรจุนม | 0.5 ลิตร |
Nespresso รุ่น Atelier
เครื่องชงกาแฟที่มากคุณสมบัติ ไม่ว่าจะเป็นเมนูร้อน หรือ เมนูเย็นก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงกดแค่ปุ่มเดียว เป็นเครื่องชงที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟนมสามารถตีฟองนมสดได้หลากหลายชนิด ทั้งนมวัว นมอัลมอนด์ หรือนมถั่วเหลือง ด้วยเครื่องตีฟองนมอัตโนมัติ ที่จะสร้างฟองนมนุ่ม ๆ ภายในแก้วกาแฟของคุณ มาพร้อมดีไซน์เพรียวบาง ทันสมัย เคลือบสแตนเลสสตีล เหมาะกับการจัดวางได้ทุกมุมในบ้าน
จุดเด่นของ Nespresso รุ่น Atelier
- สามารถเลือกทำเมนูได้หลากหลายเนื่องจากเครื่องตีฟองนมอัตโนมัติ สามารถตีฟองนมสดได้หลากหลายชนิด
- แจ้งเตือนขจัดคราบตะกรันสำหรับน้ำกระด้าง
- แรงดัน 19 บาร์ รับประกัน 2 ปี ฟรี เซ็ตกาแฟแคปซูล 1 เซ็ต
- ระบบฟองนมในสัมผัสเดียว
ข้อเสียของ Nespresso รุ่น Atelier
- เหมาะกับการจัดวางในบ้าน ไม่เหมาะกับการใช้ในสำนักงานขนาดใหญ่
สเปกสินค้าของ Nespresso รุ่น Atelier
น้ำหนัก | 3.92 กิโลกรัม |
---|---|
ความจุของถังน้ำ | 1 ลิตร |
ความจุของภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้ว | 13 |
แรงดัน | 19 BAR |
ขนาด | 11.9 x 43.4 x 27.9 cm. |
ความจุของกระบอกบรรจุนม | ไม่ระบุ |
Nespresso รุ่น Creatista Plus
มาถึงเครื่องชงกาแฟที่มีคุณภาพสูงกันนะครับ ราคาก็สูงตามด้วยแต่การันตีเรื่องคุณภาพ กับ Nespresso รุ่น Creatista Plus ที่มีคุณสมบัติมากมาย เช่น ปรับปริมาณกาแฟ อุณหภูมินม และความละเอียดของฟองนมได้ ระบบทำความสะอาดท่อสตรีมฟองนมอัตโนมัติ มีระบบเเจ้งเตือนล้างตะกรัน เเละเวลาน้ำหมด หน้าจอดิจิทัลบอกวิธีการใช้งาน ทั้งยังมีดีไซน์ทันสมัย ที่ผลิตจากสเตนเลสชั้นดี ราคาอยู่ที่ สองหมื่นต้น ๆ ถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนรักกาแฟ
จุดเด่นของ Nespresso รุ่น Creatista Plus
- มีระบบทำความสะอาดท่อสตรีมฟองนมอัตโนมัติ
- มีความจุของถังน้ำมากถึง 1.5 ลิตร ทำให้ชงกาแฟได้หลายแก้ว
- มีหน้าจอที่แสดงได้หลายภาษา
- แรงดัน 19 บาร์ รับประกัน 2 ปี
ข้อเสียของ Nespresso รุ่น Creatista Plus
- ไม่เหมาะสมกับการใช้งานในบ้านเล็ก ๆ เพราะมีราคาแพงเกินความจำเป็น
- มีน้ำหนักมากยกเคลื่อนย้ายลำบาก
สเปกสินค้าของ Nespresso รุ่น Creatista Plus
น้ำหนัก | 6.7 กิโลกรัม |
---|---|
ความจุของถังน้ำ | 1.5 ลิตร |
ความจุของภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้ว | 12 |
แรงดัน | 19 BAR |
ขนาด | 17.1 x 39.3 x 30.8 cm. |
ความจุของกระบอกบรรจุนม | ไม่ระบุ |
Nespresso รุ่น Pixie
มาดูเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กกะทัดรัดที่มีฟังชั่นการทำงานที่ครบครันกันบ้างนะครับกับ Nespresso รุ่น Pixie เครื่องชงกาแฟรุ่นเล็กที่เร่งความร้อนได้เร็วสุดของ Nespresso ที่สามารถทำความร้อนได้เร็วสุดภายใน 25 วินาที และยังสามารถบันทึกข้อมูลอัตโนมัติ ที่ทำให้คุณสามารถดื่มด่ำกับกาแฟถ้วยโปรดได้เพียงแค่กดปุ่ม
จุดเด่นของ Nespresso รุ่น Pixie
- มีขนาดเล็กนำหนักเบาสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก
- มีระบบตั้งค่าเมนูทำให้ใช้งานได้สะดวกประหยัดเวลา
- มีระบบทำความร้อนเร็วภายในไม่กี่วินาที
ข้อเสียของ Nespresso รุ่น Pixie
- ต้องเติมน้ำบ่อยเพราะความจุของถังน้ำมีขนาดเล็ก
- ทำกาแฟได้เพียงไม่กี่แบบ
สเปกสินค้าของ Nespresso รุ่น Pixie
น้ำหนัก | 2.8 กิโลกรัม |
---|---|
ความจุของถังน้ำ | 0.7 ลิตร |
ความจุของภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้ว | 10 |
แรงดัน | 19 BAR |
ขนาด | 11.1 x 23.5 x 32.6 cm. |
ความจุของกระบอกบรรจุนม | ไม่ระบุ |
Nespresso รุ่น Lattissima One
เครื่องชงกาแฟที่มีความหรูหราสะดุดตาด้วยสี Mocha Brown และ สี Silky White กับเครื่องชงกาแฟ Lattissima One มีพร้อมทั้งระบบทำฟองนมเพียงปุ่มเดียวก็สามารถสรรค์สร้างเครื่องดื่มกาแฟและเครื่องดื่มนมและยังทำความสะอาดง่ายดาย ด้วยเหยือกใส่นมที่สามารถใช้งานกับเครื่องล้างจานได้ใช้วัสดุคุณภาพและแข็งแรง คงทนเช่นโครเมี่ยม ที่สำคัญมีระบบ single-serve system คือ การเติมนมเพื่อใช้หมดในครั้งเดียว นมทั้งหมดในเหยือกจะใช้สำหรับเครื่องดื่ม 1 แก้วพอดีเพื่อลดการสิ้นเปลืองปริมาณนมเหลือทิ้ง
จุดเด่นของ Nespresso รุ่น Lattissima One
- มีระบบทำฟองนมโดยเฉพาะ
- ระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ
- มีระบบ single-serve system การเติมนมเพื่อใช้หมดในครั้งเดียว
- เหยือกใส่นมที่สามารถใช้งานกับเครื่องล้างจานได้
ข้อเสียของ Nespresso รุ่น Lattissima One
- ต้องทำการเติมนมใหม่ทุกครั้งที่ต้องการดื่มกาแฟนม
สเปกสินค้าของ Nespresso รุ่น Lattissima One
น้ำหนัก | 4.2 กิโลกรัม |
---|---|
ความจุของถังน้ำ | 1 ลิตร |
ความจุของภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้ว | 8 |
แรงดัน | 19 BAR |
ขนาด | 15.4 x 32.4 x 25.6 cm. |
ความจุของกระบอกบรรจุนม | 0.12 ลิตร |
Nespresso รุ่น Creatista Pro
มาถึงเครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยนะครับ กับเครื่องชงกาแฟรุ่น Creatista Pro ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีการตีฟองนมที่มีความฟูนุ่ม เนื้อเนียนอันละเอียด พร้อมด้วยจอแสดงผลที่ใช้งานง่าย มาพร้อมหน้าจอระบบสัมผัสที่ช่วยให้คุณสร้างสรรค์เมนูกาแฟนมได้ตามความต้องการ และสามารถชงกาแฟได้หลายเมนูโดยเฉพาะผลงานลาเต้อาร์ต ทั้งยังมีระบบช่วยทำความสะอาดเครื่อง และเครื่องสามารถพร้อมใช้งานใน 3 วินาที
จุดเด่นของ Nespresso รุ่น Creatista Pro
- มีหน้าจอแบบทัชสกรีน
- ทำน้ำให้ร้อนสำหรับอุณหภูมิกาแฟที่เหมาะสม 3 วินาที
- มีระบบทำน้ำร้อน และถาดรองน้ำหยดสำหรับแก้วทุกขนาด
- มีระบบช่วยทำความสะอาดเครื่อง และแจ้งเตือนขจัดคราบตะกรัน
ข้อเสียของ Nespresso รุ่น Creatista Pro
- ราคาแพง
- มีน้ำหนักมาก
สเปกสินค้าของ Nespresso รุ่น Creatista Pro
น้ำหนัก | 6.65 กิโลกรัม |
---|---|
ความจุของถังน้ำ | 2 ลิตร |
ความจุของภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้ว | 12 |
แรงดัน | 19 BAR |
ขนาด | 42.9 x 32.8 x 19.7 cm. |
ความจุของกระบอกบรรจุนม | ไม่ระบุ |
Nespresso รุ่น Pixie & Aeroccino Bundle
เครื่องชงกาแฟ รุ่นสุดท้ายที่จะมานำเสนอกันนะครับคือรุ่น Pixie ที่มีการปรับเปลี่ยนปุ่มเปิดเครื่อง และฟังก์ชันการใช้งานให้ง่ายขึ้นกว่าเดิมภายใน 2 ปุ่มที่มาพร้อมเครื่องทำฟองนม Aeroccino 3 ฟังก์ชั่นการทำงานที่ครบครันอย่าง Pixie นับเป็นรุ่นที่ให้ความสมาร์ท ทันสมัย อัดแน่นด้วยนวัตกรรมล้ำยุคในรูปลักษณ์แบบจิ๋วแต่แจ๋ว และมีเทคโนโลยีความเร็วของ thermo-block ที่ส่งพลังการทำงานได้แรงล้ำ ไม่ซ้ำใคร
จุดเด่นของ Nespresso รุ่น Pixie & Aeroccino Bundle
- มีขนาดเล็ก และมีเครื่องทำฟองนม Aeroccino 3 ที่สามารถทำกาแฟได้หลายเมนู
- มี 2 โปรแกรมอัตโนมัตสำหรับการทำกาแฟ แบบเอสเพรสโส และ ลุงโก
- ปิดเครื่องอัตโนมัติใน 9 นาที
- ทำความร้อนได้ใน 25 วินาที
ข้อเสียของ Nespresso รุ่น Pixie & Aeroccino Bundle
- มีความจุของถังน้ำขนาดเล็กเพียง 0.7 ลิตร จึงทำกาแฟได้ในปริมาณน้อย
สเปกสินค้าของ Nespresso รุ่น Pixie & Aeroccino Bundle
น้ำหนัก | 2.8 กิโลกรัม |
---|---|
ความจุของถังน้ำ | 0.7 ลิตร |
ความจุของภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้ว | 10 |
แรงดัน | 19 BAR |
ขนาด | 11.1 x 32.6 x 23.5 cm. |
ความจุของกระบอกบรรจุนม | ไม่ระบุ |
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับเครื่องชงกาแฟที่มานำเสนอกันในวันนี้ถูกใจรุ่นไหนเป็นพิเศษกันหรือเปล่าหากคุณชอบก็อย่ารีรอ เพราะการมีเครื่องชงกาแฟติดไว้ในบ้านเป็นการประหยัดทั้งเวลา และค่าใช้จ่ายแถมยังทำให้คุณได้สนุกกับการทำกาแฟได้ตามใจชอบตามที่คุณอยากดื่มเป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียวแต่ได้ผลตอบแทนในระยะยาว ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านทุกท่านจะได้ตัวเลือกและข้อเปรียบเทียบในการตัดสินสำหรับการเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟตามความเหมาะสมสำหรับตัวคุณครับ