ตอนนี้บ้านเราก็เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้วนะคะ แล้วยิ่งประเทศไทยต้องเรียกว่าอากาศร้อนมากเสียด้วย ถึงจะทำให้ใครอารมณ์เสียและต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มไปบ้าง แต่ในช่วงนี้ก็เป็นโอกาสสำคัญที่เราจะได้ทานผลไม้ตามฤดูกาล ทั้งสภาพการเจริญเติบโตและคุณประโยชน์เหมาะกับการทานในหน้าร้อนสุด ๆ ซึ่งผลไม้แต่ละชนิดจะมีข้อดีและข้อเสียอยู่ การเลือกรับประทานอย่างถูกวิธีก็เป็นสิ่งสำคัญ เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่า ผลไม้แนะนำประจำฤดูร้อนนี้มีอะไรน่าซื้อติดตู้เย็นไว้บ้าง อย่างน้อยในช่วงอากาศร้อนก็มีข้อดีเหล่านี้นะคะ
สารบัญ
แตงโม
เริ่มต้นซัมเมอร์ด้วยแตงโมหวาน ๆ ฉ่ำ ๆ ที่หลายคนยกให้เป็นที่หนึ่งในใจเรื่องการคลายร้อน ยิ่งหลังจากนำออกจากตู้เย็นยิ่งฟินสุด ๆ นอกจากนี้ ด้วยความเย็นสดชื่นที่ทำให้หลายคนอาจมองข้ามประโยชน์ของมันไป อย่างช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต ไขมันต่ำ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และลดอาการอักเสบบวมแดงค่ะ
จุดเด่นของแตงโม
- มีน้ำตาลและแคลอรีต่ำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และช่วยลดระดับความดันโลหิตและการสะสมของไขมันในเส้นเลือด
- มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ลดความมันและอาการอักเสบบวมแดง
- ลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจและโรคมะเร็ง
ข้อเสียของแตงโม
- มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตมาก อาจทำให้ผู้ที่เป็นโรคลำไส้แปรปรวนมีปัญหาด้านระบบย่อยอาหาร เช่น ปวดท้อง แน่นท้อง ท้องอืด เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร เป็นต้น
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรรับประทานในปริมาณน้อย
มะม่วง
ต่อไปเป็นมะม่วง ผลไม้สุดมหัศจรรย์ที่ทานได้ทั้งสุกและดิบ เปรี้ยวและหวาน สีเขียวและเหลือง เหมาะกับผู้ชื่นชอบทานผลไม้ทุกรสชาติ หาซื้อได้ง่ายทั่วไป โดยเฉพาะในฤดูร้อน นอกจากเคี้ยวดีทานเพลินแล้ว ยังมีประโยชน์ในการช่วยรักษาสมดุลภายใน ระบบเผาผลาญ หลั่งฮอร์โมน และวิตามินสำคัญอีกหลากหลายค่ะ
จุดเด่นของมะม่วง
- มีไฟเบอร์จำนวนมาก ช่วยให้ระบบเผาผลาญดีขึ้น และย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีสารอาหารมากมาย ได้แก่ วิตามินซี อี และเอ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ มีโพแทสเซียมและทองแดง ช่วยปรับสมดุลภายในร่างกาย และมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งผิวหนัง
- ช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน และทำให้รู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับสบาย
ข้อเสียของมะม่วง
- หากทานมะม่วงดิบมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด
- ผู้ป่วยเบาหวานควรหลีกเลี่ยงการทานมะม่วงสุก เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
สับปะรด
ผลสีเหลืองมีตารอบตัว ไม่ว่าจะปีไหน ๆ ก็เป็นที่นิยมเสมอในทุกซัมเมอร์ ที่ไม่ว่าจะทานเป็นชิ้น โรยบนพิซซ่า หรือปั่นเป็นน้ำหวาน ๆ เพื่อช่วยดับกระหาย ก็ถูกใจทุกเพศทุกวัย มาพร้อมประโยชน์ในการช่วยซ่อมแซมต่อมไร้ท่อ ช่วยระบบดูดซึมและย่อยอาหาร ป้องกันโรคความดันโลหิต ไปจนถึงโรคไตอักเสบค่ะ
จุดเด่นของสับปะรด
- ช่วยรักษาอาการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ช่วยป้องกันโรคไตอักเสบ และหลอดลมอักเสบ
- ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และช่วยเสริมการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ
- ช่วยระบบย่อยอาหาร และทำให้การดูดซึมอาหารของร่างกายดียิ่งขึ้น
- สามารถนำมาแปรรูปได้หลากหลายประเภท และเก็บรักษาไว้ได้นาน เช่น สับปะรดกระป๋อง และสับปะรดกวน เป็นต้น
ข้อเสียของสับปะรด
- มีสารจำพวกไกลโคแอลคาลอยด์ อาจทำให้บางคนเกิดอาการแพ้หลังรับประทาน
- สับปะรดอาจมีรสชาติฝาด
แคนตาลูป
มากันที่ผลไม้ผิวของผลหยาบ เปลือกแข็ง เต็มไปด้วยลวดลายยุ่งเหยิง แต่ภายในเป็นผลไม้เนื้อกรอบสีส้ม มีกลิ่นหอมชวนให้ลิ้มลอง เต็มเปี่ยมไปด้วยวิตามินบีตั้งแต่ 1 – 9 ธาตุและสารอาหารอีกมากมาย ประโยชน์สุดโดดเด่นในการบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ บำรุงประสาท สมอง และสายตา
จุดเด่นของแคนตาลูป
- ช่วยบำรุงให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส ลดการเกิดริ้วรอย ชะลอวัยให้ดูอ่อนเยาว์
- ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง เพราะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสูง
- ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย บำรุงประสาท สมอง และสายตา อีกทั้งยังช่วยให้รู้สึกมีสมาธิมากยิ่งขึ้น
ข้อเสียของแคนตาลูป
- ไม่ควรทานติดต่อกันมากเกินไป เพราะในการปลูกแคนตาลูปจะมีการใช้ยาและสารเคมีในการกำจัดแมลงเป็นจำนวนมาก อาจทำให้สารพิษค่อย ๆ สะสมในร่างกาย
มะละกอ
อีกหนึ่งผลไม้ที่ทานได้ทั้งสุกและดิบ แถมยังอร่อยไม่แพ้กันอย่างมะละกอ อย่างแบบดิบก็จะมีรสชาติจืดและเนื้อกรอบ จึงถูกนำไปประกอบอาหาร ในขณะที่แบบสุกมีรสชาติหวานละมุน เนื้อนุ่ม กลิ่นหอม จึงเป็นที่นิยมของผู้สูงอายุ และประโยชน์ที่เด่นสุดคงหนีไม่พ้นเรื่องผลไม้สีส้มแดง มีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตาค่ะ
จุดเด่นของมะละกอ
- มะละกอสุกมีเนื้อสีเหลืองส้มออกแดง เต็มไปด้วยวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา
- มีวิตามินซี ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
- อุดมไปด้วยแคลเซียม ช่วยบำรุงกระดูก
- ช่วยระบบขับถ่าย และมีสารเพคตินช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร
ข้อเสียของมะละกอ
- ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรรับประทานมะละกอมากเกินไป เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
ลิ้นจี่
ผลไม้ลูกเล็ก เปลือกมีหนาม ต้องออกแรงในการแกะเปลือกเล็กน้อย แต่รสชาติหวานซ่อนเปรี้ยว มักถูกนำไปปั่นเป็นน้ำลิ้นจี่แสนชื่นใจ แถมลูกเล็ก ๆ แบบนี้ยังมีประโยชน์มากมาย นอกจากช่วยดับกระหายได้ดีแล้ว ยังอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนที่มีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะการช่วยบำรุงอวัยภายในค่ะ
จุดเด่นของลิ้นจี่
- เต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน ช่วยบำรุงและซ่อมแซมอวัยวะทุกส่วนภายในร่างกาย โดยเฉพาะการทำงานของม้าม ระบบย่อยอาหาร และระบบประสาท
- ช่วยดับกระหายได้ดีมาก และเมื่อนำมาต้มรวมกับพุทราจะบรรเทาอาการท้องร่วง
- ช่วยบำรุงรักษาโรคโลหิตจาง
ข้อเสียของลิ้นจี่
- ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรรับประทานลิ้นจี่มากเกินไป เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง
องุ่น
ผลไม้ลูกเล็ก ๆ เป็นพวงทานเพลินอย่างองุ่น ที่ไม่ว่าจะสีเขียวหรือสีม่วง ไร้เม็ดหรือมีหลายเมล็ดก็ตาม ก็ถือว่ามีคุณค่าทางอาหารหลากหลาย โดยเฉพาะวิตามินซี ธาตุเหล็ก และเกลือแร่ โดยผู้ที่ทานองุ่นเป็นประจำจะช่วยให้สมองและหัวใจแข็งแรงขึ้น ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังบำรุงกำลังให้ดูสุขภาพดีขึ้นด้วยค่ะ
จุดเด่นขององุ่น
- ให้พลังงานและเกลือแร่สูง ช่วยบำรุงเลือด และซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย
- หากรับประทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงสมอง หัวใจ และกำลัง
- นิยมนำไปทำเหล้าองุ่น ซึ่งช่วยขับลม ขับปัสสาวะ และช่วยรักษาโรคด้านไขข้อและกระดูก
ข้อเสียขององุ่น
- บางคนอาจมีอาการแพ้องุ่น เช่น ระคายเคืองกระเพาะอาหาร
- หากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย
เงาะ
เงาะรสหวานฉ่ำทานเพลิน เป็นผลไม้ฤทธิ์อุ่น ช่วยแก้อาการท้องร่วงได้ดีมาก แต่ที่น่าสนใจคือตัวเปลือกของมัน ที่เต็มไปด้วยขนประหลาด แต่มีประโยชน์หลายข้อค่ะ ตั้งแต่เป็นยาแก้อักเสบ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยโรคท้องบิด เห็นแบบนี้แล้ว เงาะก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการเป็นผลไม้หน้าร้อนของทุกคนค่ะ
จุดเด่นของเงาะ
- การรับประทานเงาะสดช่วยรักษาโรคท้องร่วงชนิดรุนแรงได้ดี
- เปลือกของเงาะสามารถนำมาต้มทานเป็นน้ำได้ มีประโยชน์ทางยามากมาย ได้แก่ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แก้อักเสบ รักษาแผลในช่องปาก และรักษาโรคบิด โรคท้องร่วง
- ป้องกันโรคโลหิตจางและโรคมะเร็ง
ข้อเสียของเงาะ
- เมล็ดในของเงาะมีพิษ ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน มีไข้ และปวดท้อง จึงไม่ควรรับประทาน
ชมพู่
เรามาดูกันที่ผลไม้ที่ทานได้ทั้งลูก แถมยังเนื้อหวานกรอบอร่อย อย่างชมพู่ค่ะ ซึ่งนิยมมาก ๆ ในการทานเพื่อเป็นผลไม้ลดน้ำหนัก เพราะมีน้ำตาลน้อย ช่วยในเรื่องการขับถ่าย และลดคอเลสเตอรอลค่ะ นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินหลายชนิด และมีสารต้านมะเร็งอีกด้วย
จุดเด่นของชมพู่
- มีน้ำตาลและพลังงานต่ำ ช่วยระบบขับถ่าย จึงเหมาะจะรับประทานเพื่อควบคุมน้ำหนัก
- มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อแอนโทไซยานิน ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง
- ลดการดูดซึมไขมันในเลือด และช่วยลดคอเลสเตอรอล
- มีวิตามินที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ และวิตามินอี
ข้อเสียของชมพู่
- ผู้ป่วยเบาหวานควรจำกัดการรับประทาน มื้อละไม่เกิน 2 ผล
มะพร้าว
ปิดท้ายด้วยสุดยอดผลไม้แห่งชายทะเลอย่างมะพร้าว ปฏิเสธไม่ได้แน่นอนค่ะว่า น้ำมะพร้าวสด ๆ ช่วยดับกระหายได้ดีเยี่ยม ด้วยรสชาติหวาน ชุ่มคอ นอกจากนี้ ส่วนเนื้อของมะพร้าวก็ยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ทั้งโปรตีน แคลเซียม โพแทสเซียม แถมส่วนอื่น ๆ ยังสามารถนำมาประกอบอาหารได้อร่อยอีกด้วยค่ะ
จุดเด่นของมะพร้าว
- น้ำมะพร้าวมีรสหวาน หอม ช่วยดับกระหายน้ำได้ดีเยี่ยม และทำให้ชุ่มคอ
- เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ รักษาอาการท้องเสียและอาเจียน
- ยอดมะพร้าวสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย ส่วนจั่นมะพร้าวสามารถนำน้ำหวานไปเคี่ยวเป็นน้ำตาลมะพร้าว และเนื้อมะพร้าวแก่สามารถคั้นเป็นน้ำกะทิสดได้
ข้อเสียของมะพร้าว
- ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจและโรคไต เพราะมีน้ำตาล โปรตีน โซเดียม โพแทสเซียม ที่ผู้เป็นโรคเหล่านี้มีมากอยู่แล้ว
วิธีทานผลไม้ให้ส่งผลดีต่อร่างสุดที่สุด
ทานผลไม้ให้เพียงพอและหลากหลายชนิด
จำเป็นมากที่เราต้องทานผลไม้ให้ได้ 3 ส่วนต่อวันค่ะ เช่น ส้ม 1 ลูก กล้วย 1 ผล มะละกอ 5 – 6 ชิ้น เป็นต้น และควรทานให้หลากชนิด เพราะผลไม้แต่ละอย่างจะมีคุณสมบัติและวิตามินที่มากน้อยแตกต่างกัน ยิ่งเราทานหลายอย่าง ยิ่งได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ค่ะ และอีกอย่างเรายังสามารถทานผลไม้เป็นของว่างระหว่างวันได้ด้วย ดีกว่าเลือกทานขนมจุกจิกด้วยค่ะ
ทานผลไม้ที่รสชาติหวานน้อย
เราควรทานผลไม้รสชาติหวานน้อยหรือหวานปานกลางเป็นหลักนะคะ เพราะผลไม้ที่หวานจัดจะเปี่ยมไปด้วยน้ำตาล และนำมาซึ่งความอ้วนและโรคต่าง ๆ ในที่สุดค่ะ ผลไม้รสหวานน้อยก็มีมากมายและยังรสชาติอร่อย อาทิ กล้วยน้ำว้า ส้มโชกุน แอปเปิล ฝรั่ง ชมพู่ มะละกอ และแก้วมังกร ฯลฯ
ทานผลไม้ตามฤดูกาล
ในช่วงฤดูกาลของผลไม้แต่ละชนิด จะทำให้บรรดาผลไม้เหล่านั้นหาง่ายขึ้น มีราคาเหมาะสม และไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมี เพราะเกษตรกรจะไม่เติมสารเคมีในการปลูกหรือใส่ฮอร์โมนเร่งการเติบโตใด ๆ จึงทำให้เรามั่นใจได้ว่าจะได้ของสดและปลอดภัยค่ะ
เลือกซื้อผลไม้อย่างถูกวิธี
เราต้องทราบวิธีการเลือกซื้อผลให้อย่างถูกวิธี เพื่อให้เราได้รับของที่ดีและปลอดภัยที่สุด ไม่ว่าจะเลือกซื้อตามตลาดหรือซูเปอร์มาร์เกตค่ะ ก่อนอื่นต้องเลือกซื้อผลไม้ที่จำหน่ายตามฤดูกาลนั้น ๆ และเน้นเลือกผลที่มีความสด ไม่ช้ำ ไม่มีตำหนิ เปลือกไม่ช้ำหรือดำ มีขนาดของผลสม่ำเสมอกัน หากเป็นผลไม้ที่มีก้านต้องมีก้านที่เขียวและแข็ง และสุดท้ายคือหากมีรอยแมลงกัด แสดงว่าเป็นผลไม้ปลอดสารพิษค่ะ
ล้างผลไม้อย่างถูกวิธี
สุดท้ายนี้ เมื่อเราซื้อผลไม้มาแล้ว เราต้องทำการล้างให้สะอาดก่อนรับประทานค่ะ เพราะเราไม่อาจทราบแหล่งที่มาของผลไม้เหล่านั้นว่ามีสารพิษมากมายเท่าใด โดยในการล้างจะใช้เพียงน้ำเปล่าถือว่าไม่เพียงพอแล้วนะคะ จึงควรเพิ่มการล้างด้วยวัตถุดิบอื่น โดยสามารถเลือกได้ตามสะดวก ได้แก่ น้ำยาล้างผัก น้ำด่างทับทิบ 5 เกล็ดต่อน้ำ 4 ลิตร เกลือ 2 ช้อนโต๊ะพูนต่อน้ำ 4 ลิตร ข้าวสาร 2 กิโลกรัมต่อน้ำ 4 ลิตร และน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยต่อน้ำ 4 ลิตรค่ะ โดยเราไม่จำเป็นต้องใช้ทุกอย่างในคราวเดียวนะคะ
ร้อน ๆ แบบนี้ เราจึงไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองความอร่อยของผลไม้เหล่านี้นะคะ ซึ่งขอแนะนำว่า ยิ่งทานแบบสด ๆ ยิ่งได้รับประโยชน์เต็มเปี่ยม แต่ถ้าใครสะดวกทานแบบปั่น คั้นสด หรือแปรรูปก็ไม่ว่ากันค่ะ และอย่าลืมว่า เราควรเลือกผลไม้ตามฤดูกาล เพื่อที่จะไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงจากสารเคมี ต้องทานให้หลากหลายชนิดเพื่อประโยชน์แบบเต็ม ๆ และสุดท้ายคือเลือกซื้อจากแหล่งที่ดีอย่างถูกวิธี และต้องล้างให้สะอาดก่อนรับประทานเสมอนะคะ
สำหรับใครที่อยากดับกระหายในช่วงนี้ เรามาดูรายชื่อผลไม้และแหล่งซื้อที่น่าสนใจกันดีกว่าค่ะ